XRP กลับเข้าสู่ 100 อันดับแรกของสินทรัพย์โลก มาร์เก็ตแคปใกล้เคียง HDFC

XRP ได้ก้าวข้ามเส้นสำคัญอีกครั้ง ด้วยการทะลุเข้าสู่ 100 อันดับแรกของสินทรัพย์ทั่วโลก ปัจจุบันอยู่ในอันดับที่ 99 ด้วยมูลค่าตลาด (Market Cap) ที่ 181.8 พันล้านดอลลาร์ แซงหน้า HDFC Bank ซึ่งมีมูลค่า 181.1 พันล้านดอลลาร์ ถือเป็นครั้งที่สกุลเงินดิจิทัลถูกประเมินมูลค่าสูงกว่าธนาคารชั้นนำของอินเดีย

แรงขับเคลื่อนราคาของ XRP และกิจกรรมในตลาด

ที่ราคา 3.05 ดอลลาร์ XRP แสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวที่มั่นคง การปรับขึ้นรายวัน 1.6% และเพิ่มขึ้น 8.3% ในรอบ 7 วัน อาจไม่ดูหวือหวาในโลกคริปโตที่เคลื่อนไหวรวดเร็ว แต่เมื่อจับคู่กับการพุ่งขึ้น 467.8% ในรอบปีที่ผ่านมา นี่ไม่ใช่แค่เรื่องระยะสั้น ปริมาณการซื้อขายรายวันกว่า 5.8 พันล้านดอลลาร์สะท้อนว่าทั้งนักลงทุนสถาบันและรายย่อยยังคงมีบทบาทสูง ขณะที่มูลค่าแบบ fully diluted ที่ทะลุ 305 พันล้านดอลลาร์ ทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลนี้เคลื่อนไหวในระดับเดียวกับบริษัทยักษ์ใหญ่

รายชื่อบริษัทที่ XRP แซงขึ้นมาเพื่อเข้าสู่ Top 100 ล้วนเป็นแบรนด์ชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น Shopify, Deutsche Telekom, Adobe, Pfizer, Santander, Spotify, Allianz และ Accenture การเปลี่ยนแปลงในอันดับนี้สะท้อนว่าสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ได้แข่งขันกันเองเท่านั้น แต่ยังแทรกซึมเข้าสู่พื้นที่ที่เคยเป็นของบริษัทอายุร้อยปี

บรรยากาศตลาดผสมผสานและการคาดการณ์ราคา

นักวิเคราะห์อย่าง Ali Martinez มองเป้าระยะสั้นไว้ราว 3.70 ดอลลาร์ แต่ Standard Chartered มองไปไกลกว่านั้น โดยคาดว่าราคาจะขึ้นใกล้ 8 ดอลลาร์ภายในปี 2026 หากมีการขยายตัวของ ETF และการยอมรับจากธนาคาร อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนยังคงระมัดระวัง คณะผู้เชี่ยวชาญของ Finder คาดว่า XRP จะปิดปี 2025 ใกล้ 2.80 ดอลลาร์ มุมมองนี้สะท้อนว่าความเป็นไปได้ของเหรียญขึ้นอยู่กับการอนุมัติกฎระเบียบ และการเข้าสู่การเงินกระแสหลัก

ETF และใบอนุญาตธนาคารอาจเปลี่ยนเกมของ XRP

ตุลาคม 2025 ถูกจับตามองว่าอาจเป็นจุดเปลี่ยน หลายบริษัทได้ยื่นขอจัดตั้ง ETF ที่อิงกับ XRP โดย Bloomberg ประเมินโอกาสอนุมัติสูงถึง 95% หากได้รับไฟเขียว คาดว่ากระแสเงินไหลเข้าจะอยู่ที่ 5–8 พันล้านดอลลาร์ในเดือนแรก และอาจแตะ 18 พันล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปี ขณะเดียวกัน Ripple ได้ยื่นขอใบอนุญาตธนาคารระดับประเทศในสหรัฐ ซึ่งจะเปิดทางสู่ระบบการชำระเงินของเฟด และสร้างความน่าเชื่อถือในฐานะธนาคารทรัสต์ที่ถูกกำกับดูแล

ญี่ปุ่นเป็นผู้นำการใช้ XRP ในการชำระเงิน

ภายในปี 2025 คาดว่า 80% ของธนาคารในญี่ปุ่นจะใช้ XRP สำหรับการโอนเงินระหว่างประเทศ โดย SBI Holdings ลงทุนผลักดันเรื่องนี้อย่างจริงจัง ปัจจุบันทั่วโลกมีสถาบันกว่า 300 แห่งที่เชื่อมต่อผ่าน RippleNet ตั้งแต่ Santander ในยุโรป ไปจนถึง PNC ในสหรัฐ และยังขยายไปยังผู้เล่นรายใหญ่ในเอเชีย แอฟริกา และลาตินอเมริกา ระบบเหล่านี้ใช้งานจริง และช่วยธนาคารประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย

บทบาทของ XRP ในการทำธุรกรรมข้ามพรมแดน

การโอนด้วย XRP ใช้เวลาเพียง 3–5 วินาที เทียบกับ 3–5 วันของระบบดั้งเดิมอย่าง SWIFT ต้นทุนธุรกรรมเฉลี่ยไม่ถึงหนึ่งเซนต์ ขณะที่ธนาคารยังเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหลายชั้นสำหรับการโอนข้ามประเทศ นี่คือเหตุผลที่สถาบันต่าง ๆ หันมาให้ความสนใจ แม้ยังไม่มีแรงหนุนจาก ETF แบบ spot ที่ถูกกำกับในสหรัฐ การที่ XRP สามารถแตะมาร์เก็ตแคป 181.8 พันล้านดอลลาร์ได้ด้วยตัวเอง แสดงให้เห็นถึงการใช้งานจริง มากกว่าการเติบโตจากกระแสเก็งกำไร

ความเสี่ยงและความท้าทายของการเติบโต XRP

แน่นอนว่าความเสี่ยงยังคงมีอยู่ กฎระเบียบในสหรัฐยังไม่ชัดเจน ขณะเดียวกันคู่แข่งก็กำลังพัฒนาระบบการชำระเงินบนบล็อกเชนของตนเอง ราคายังผันผวน และสัญญาณทางเทคนิคบางอย่างชี้ไปที่การปรับฐานระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นในระยะยาวยังไม่หายไป นักลงทุนรายใหญ่ยังคงทยอยซื้อ XRP เพิ่มในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

หากมองอย่างง่าย XRP เปรียบเสมือนรางดิจิทัลสำหรับการเงิน มันช่วยให้ธนาคารและบุคคลสามารถโอนเงินข้ามพรมแดนได้ในไม่กี่วินาทีและแทบไม่มีค่าใช้จ่าย ประสิทธิภาพเช่นนี้ดึงดูดความสนใจโดยธรรมชาติ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับความล่าช้าและค่าธรรมเนียมของระบบเก่า การเปลี่ยนผ่านนี้คือสิ่งที่ทำให้ช่วงเวลานี้น่าจับตา

นี่เป็นการสังเกตจากข้อมูลและบรรยากาศตลาดปัจจุบัน โปรดศึกษาข้อมูลด้วยตนเองก่อนตัดสินใจลงทุน