ข่าว

WLFI เตรียมเปิดตัวบัตรเดบิตและแอปเชื่อม USD1 เข้ากับ Apple Pay

โดย

Hanan Zuhry

Hanan Zuhry

บัตรเดบิต WLFI จะเปิดตัวพร้อมแอปค้าปลีกที่เชื่อมโยงกับ Apple Pay ทำให้การชำระเงินด้วย stablecoin เป็นเรื่องง่ายสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน

WLFI เตรียมเปิดตัวบัตรเดบิตและแอปเชื่อม USD1 เข้ากับ Apple Pay

สรุปด่วน

สรุปสร้างโดย AI ตรวจสอบโดยห้องข่าว

  • Zak Folkman ผู้ก่อตั้งร่วมของ WLFI ยืนยันแผนงานสำหรับบัตรเดบิตและแอปค้าปลีกที่งาน Korea Blockchain Week

  • แอปจะเชื่อมโยง Stablecoin USD1 ของ WLFI เข้ากับ Apple Pay เพื่อการชำระเงินที่ง่ายดาย

  • WLFI จะไม่เปิดตัวบล็อคเชนของตัวเอง โดยเลือกใช้แนวทางที่เป็นกลาง

  • โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อรวมการชำระเงินที่ง่ายดายเข้ากับการลงทุน เช่น "Venmo พบกับ Robinhood"

ที่งาน Korea Blockchain Week แซค โฟล์คแมน (Zak Folkman) ผู้ร่วมก่อตั้ง World Liberty Financial (WLFI) ประกาศว่าบริษัทเตรียมเปิดตัวบัตรเดบิตและแอปสำหรับค้าปลีกในเร็ว ๆ นี้ ตามรายงานของ Wu Blockchain แอปดังกล่าวจะเชื่อมโยงสเตเบิลคอยน์ USD1 ของ WLFI เข้ากับ Apple Pay โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้การชำระเงินด้วยคริปโตง่ายขึ้น เร็วขึ้น และเข้าถึงผู้ใช้ทั่วไปได้มากขึ้น

ทำให้สเตเบิลคอยน์ใช้งานง่าย

สเตเบิลคอยน์คือโทเคนดิจิทัลที่อ้างอิงมูลค่ากับสกุลเงินทั่วไป เช่น ดอลลาร์สหรัฐ ราคาของมันไม่ได้ผันผวนมากเหมือนบิตคอยน์ จึงเหมาะกับการนำมาใช้ในการชำระเงิน การออม หรือแม้กระทั่งการโอนเงิน

WLFI ต้องการผลักดันให้สเตเบิลคอยน์กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน แอปใหม่นี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถชำระเงินด้วย USD1 ผ่าน Apple Pay ได้เหมือนกับการใช้บัตรธนาคารทั่วไป

โฟล์คแมนอธิบายแนวคิดนี้ว่าเป็น “Venmo ผสานกับ Robinhood” โดยกล่าวว่าแอปจะผสมผสานการชำระเงินที่สะดวกเข้ากับตัวเลือกการลงทุน

ทำไมบัตรเดบิตยังสำคัญ

แม้ปัจจุบันหลายคนหันมาใช้สมาร์ตโฟนจ่ายเงิน แต่บัตรเดบิตก็ยังคงมีความสำคัญ เพราะไม่ใช่ทุกร้านค้าหรือทุกประเทศที่พร้อมรองรับวอลเล็ตดิจิทัล

ด้วยการออกบัตรเดบิต WLFI จึงมั่นใจได้ว่าผู้ใช้สามารถใช้จ่ายคริปโตได้ทุกที่ ไม่ว่าจะรูดบัตรที่ร้านค้าหรือใช้โทรศัพท์สำหรับการจ่ายแบบไร้สัมผัส ความยืดหยุ่นนี้ถือเป็นกุญแจสำคัญหาก WLFI ต้องการเข้าถึงกลุ่มที่ไม่ได้เป็นแฟนคริปโตโดยตรง

ยืนกลางด้านเทคโนโลยี

อีกประเด็นสำคัญจากการกล่าวของโฟล์คแมนคือการที่ WLFI ตัดสินใจไม่สร้างบล็อกเชนของตัวเอง แต่จะเลือกอยู่ในจุดที่เป็นกลาง โดยทำงานร่วมกับบล็อกเชนหลายเครือข่าย แทนที่จะสร้างเครือข่ายใหม่

แนวทางนี้ช่วยให้เชื่อมต่อกับแอปและแพลตฟอร์มอื่นได้ง่ายขึ้น และไม่ต้องแบกรับต้นทุนการดูแลเครือข่ายใหม่ แต่ข้อเสียคือ WLFI จะต้องพึ่งพาระบบภายนอก หากค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นหรือเครือข่ายล่าช้า ผู้ใช้อาจได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม ความเป็นกลางเปิดโอกาสให้ WLFI ปรับตัวได้อย่างอิสระมากขึ้น

“Venmo ผสานกับ Robinhood”

ถ้อยคำที่ใช้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ Venmo เป็นที่รู้จักจากระบบการชำระเงินที่เรียบง่าย ส่วน Robinhood มีชื่อเสียงจากการเปิดโอกาสให้คนทั่วไปเข้าถึงการลงทุน WLFI จึงหวังจะผสานจุดแข็งทั้งสองด้านเข้าด้วยกัน

หากประสบความสำเร็จ แอปนี้อาจดึงดูดผู้ใช้กลุ่มวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ที่ต้องการทางเลือกง่าย ๆ สำหรับการจ่ายเงินและลงทุน แต่ก็หมายความว่า WLFI ต้องเผชิญการแข่งขันกับบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการฟินเทคและแอปคริปโต

ความหมายต่อวงการคริปโต

ประกาศครั้งนี้สะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมคริปโต เมื่อไม่กี่ปีก่อน โฟกัสอยู่ที่การซื้อขายและการคาดการณ์ราคา แต่วันนี้บริษัทต่าง ๆ หันมาสร้างเครื่องมือเพื่อให้ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน

บัตรเดบิตและแอปของ WLFI อาจช่วยให้สเตเบิลคอยน์เข้าถึงผู้ใช้ใหม่หลายล้านคน หากมีคนเริ่มใช้ USD1 กับ Apple Pay มากขึ้น บริษัทอื่น ๆ ก็อาจเดินตามรอย

อย่างไรก็ตาม ยังมีคำถามเรื่องกฎระเบียบและความปลอดภัย รัฐบาลทั่วโลกกำลังหาวิธีควบคุมสเตเบิลคอยน์ WLFI จะต้องมั่นใจว่าบริการมีความปลอดภัย ถูกกฎหมาย และได้รับความเชื่อมั่นจากหน่วยงานกำกับดูแล

มองไปข้างหน้า

คำประกาศของแซค โฟล์คแมนชี้ให้เห็นอนาคตที่น่าจับตาสำหรับ WLFI บริษัทพยายามเชื่อมโลกคริปโตเข้ากับการใช้จ่ายในชีวิตจริงอย่างเรียบง่าย ด้วยการเชื่อม USD1 เข้ากับ Apple Pay และมอบทั้งแอปและบัตรเดบิต WLFI ตั้งใจจะกลายเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ต่อชีวิตประจำวัน

ว่าบริษัทจะทำได้สำเร็จหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการออกแบบที่ราบรื่น มาตรการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแรง และความสามารถในการขยายสู่ระดับโลก หากทำได้สำเร็จ WLFI อาจกลายเป็นผู้เล่นสำคัญในก้าวถัดไปของการใช้งานคริปโต

Google News Icon

ติดตามเราบน Google News

รับข้อมูลเชิงลึกและการอัปเดตคริปโตล่าสุด

ติดตาม