Western Union เล็งรับมือภาวะเงินเฟ้อรุนแรง ด้วยบัตรชำระเงินแบบ Stablecoin รุ่นใหม่

Western Union เดินหน้าลึกขึ้นในโลกการชำระเงินด้วยคริปโต ยักษ์ใหญ่ด้านการโอนเงินระหว่างประเทศกำลังพัฒนาบัตรชำระเงินแบบพรีเพดที่รองรับ stablecoin สำหรับประเทศที่ต้องเผชิญภาวะเงินเฟ้อรุนแรง จุดประสงค์มีเพียงหนึ่งเดียว คือปกป้องเงินของประชาชนในช่วงที่สกุลเงินท้องถิ่นอ่อนค่าต่อเนื่อง Matthew Cagwin ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน เปิดเผยแผนดังกล่าวบนเวที UBS Global Technology and AI Conference โดยระบุว่าบัตรนี้มุ่งเป้าไปยังประเทศที่เงินเฟ้อทำลายกำลังซื้ออย่างรวดเร็ว

อาร์เจนตินาถูกยกเป็นตัวอย่างที่ชัดที่สุด เงินเฟ้อในประเทศทะยานเกิน 200% ในปีที่ผ่านมา และในบางประมาณการแตะระดับ 250%-300% เมื่อเศรษฐกิจอยู่ในสภาพเช่นนี้ “เวลา” กลายเป็นปัจจัยสำคัญ การโอนเงิน 500 ดอลลาร์วันนี้อาจสูญเสียมูลค่าอย่างมากภายในไม่กี่สัปดาห์ Western Union ต้องการหยุดความเสียหายนั้น บัตรใหม่จะโหลดเงินล่วงหน้าเป็น stablecoin ที่อิงกับดอลลาร์สหรัฐ แทนที่จะเป็นสกุลเงินท้องถิ่นที่ผันผวน ทำให้ผู้ใช้นำเงินไปใช้ภายหลังได้โดยไม่ต้องเห็นมูลค่าเงินหายไปต่อหน้าต่อตา

วิธีการทำงานของบัตร Stable

บัตร stablecoin ใบนี้จะทำหน้าที่เป็นส่วนขยายของบัตรพรีเพดเดิมของ Western Union แต่เวอร์ชันนี้ออกแบบมาเพื่อรับมือเศรษฐกิจที่มีความผันผวนสูง ไม่ได้จำกัดเฉพาะตลาดสหรัฐ ผู้ใช้จะถือ stablecoin แทนยอดเงินสด Western Union กำลังร่วมมือกับ Rain ผู้ให้บริการที่ออกบัตร Visa ที่มี stablecoin ค้ำประกัน ผู้ใช้จึงสามารถใช้ stablecoin รูดจ่ายได้โดยตรง หรือแปลงเป็นเงินสดท้องถิ่นที่สาขา Western Union ที่ร่วมรายการ

สะพานเชื่อมระหว่างคริปโตและเงินสดนี้เป็นเรื่องสำคัญ ประชาชนจำนวนมากในพื้นที่ที่มีเงินเฟ้อสูงยังพึ่งพาเงินสดสำหรับการใช้จ่ายประจำวัน บัตร stable จึงช่วยให้เก็บมูลค่าเงินในรูปแบบดิจิทัล แต่ยังเข้าถึงเงินสดได้จริง Cagwin อธิบายผลกระทบในโลกจริงด้วยตัวอย่างง่ายๆ หากครอบครัวในสหรัฐส่งเงิน 500 ดอลลาร์กลับบ้าน เงินเฟ้ออาจทำให้เหลือเพียง 300 ดอลลาร์ภายในหนึ่งเดือน แต่ถ้าใช้บัตร stablecoin ที่อ้างอิงดอลลาร์ มูลค่านั้นจะไม่ถูกลดทอน เงินยังคงมูลค่าเดิม

Stablecoin USDPT และการขยายสู่ Solana

บัตรใบนี้ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์เดี่ยว แต่เป็นส่วนหนึ่งของแผน stablecoin ขนาดใหญ่ของ Western Union บริษัทได้ยืนยันแล้วว่าจะเปิดตัว stablecoin ดอลลาร์ของตัวเองชื่อ USDPT ในช่วงต้นปี 2026 โดย USDPT จะทำงานบนบล็อกเชน Solana และออกโดย Anchorage Digital ธนาคารคริปโตที่อยู่ภายใต้การกำกับของสหรัฐ Western Union เชื่อว่าโครงสร้างนี้จะทำให้การชำระธุรกรรมเร็วขึ้น ต้นทุนลดลง และการเคลื่อนย้ายเงินข้ามพรมแดนเป็นแบบเรียลไทม์

บริษัทเริ่มสร้างเครือข่ายสินทรัพย์ดิจิทัลเต็มรูปแบบแล้ว และได้ร่วมมือกับหลายผู้ให้บริการเพื่อพัฒนาเส้นทาง on-ramp และ off-ramp เป้าหมายคือการลดการพึ่งพาระบบธนาคารที่ล่าช้า และลดเวลาที่เงินติดค้างอยู่ระหว่างการโอน Cagwin ระบุว่า Western Union เคลื่อนย้ายเงินราว 500 ล้านดอลลาร์ต่อวัน แม้ความล่าช้าเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เงินจำนวนมากถูกพักค้างอยู่ Stablecoin จึงอาจช่วยปลดล็อกเงินก้อนนี้ได้เร็วขึ้น และเสริมสภาพคล่องให้เครือข่ายโดยรวม

ทำไมก้าวนี้จึงสำคัญต่อระบบการชำระเงินทั่วโลก

บัตร stable ของ Western Union แสดงให้เห็นว่าการเงินดั้งเดิมกำลังผสานเข้ากับคริปโตมากขึ้น ก้าวนี้ไม่ใช่การทดลองอีกต่อไป แต่เป็นเครื่องมือเอาตัวรอดสำหรับผู้คนในประเทศที่เศรษฐกิจไม่มั่นคง สำหรับผู้ใช้งานในประเทศที่มีเงินเฟ้อสูง บัตรนี้เสนอ:

• การปกป้องกำลังซื้อที่ดีขึ้น
• การเข้าถึงเงินที่หนุนหลังด้วยดอลลาร์รวดเร็วยิ่งขึ้น
• การใช้จ่ายที่ง่ายกว่าโดยไม่เจอความผันผวนของสกุลเงิน

สำหรับ Western Union ประโยชน์ก็ชัดเจนไม่แพ้กัน บริษัทลดต้นทุน เร่งกระบวนการชำระเงิน และลดการพึ่งพาช่องทางธนาคารที่เปราะบาง ที่สำคัญที่สุด ก้าวนี้สะท้อนข้อเท็จจริงประการหนึ่ง: stablecoin ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือของโลกคริปโตอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินในโลกจริง — และ Western Union ต้องการอยู่แถวหน้าในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้