Visa ทดสอบการจ่ายเงินด้วย USDC เปิดทางให้ผู้รับเลือกชำระเป็นคริปโต
Visa เปิดตัวโครงการนำร่องสำหรับแพลตฟอร์มของตน โดยให้ธุรกิจต่างๆ ระดมทุนการจ่ายเงินเป็นเงินสด โดยผู้รับสามารถเลือกที่จะรับเงินของตนเป็น stablecoin ได้

สรุปด่วน
สรุปสร้างโดย AI ตรวจสอบโดยห้องข่าว
โครงการนำร่องของ Visa ช่วยให้ผู้ทำงานและผู้สร้างงานในเศรษฐกิจชั่วคราวได้รับการจ่ายเงินเป็น USDC stablecoin ได้เกือบจะทันที
Visa เดินหน้าอีกก้าวสำคัญในการผสานระบบการเงินดั้งเดิมเข้ากับสินทรัพย์ดิจิทัล โดยบริษัทผู้ให้บริการชำระเงินรายใหญ่ได้เปิดตัวโครงการนำร่องใหม่ ที่อนุญาตให้ธุรกิจสามารถส่งเงินจ่ายโดยตรงในรูปแบบสเตเบิลคอยน์ USDC ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้รับสามารถเลือกได้รับเงินในรูปแบบคริปโตแทนเงินเฟียตได้
โครงการดังกล่าวเปิดตัวในงาน Singapore Fintech Festival 2025 และนับเป็นหนึ่งในก้าวสำคัญที่สุดของ Visa ในการนำคริปโตมาใช้ในโลกจริง โดยต่อยอดจากการทดลองระบบชำระบัญชีบนบล็อกเชนก่อนหน้านี้ของบริษัท มีเป้าหมายเพื่อทำให้การชำระเงินทั่วโลกเป็นไปอย่างรวดเร็ว ประหยัด และเข้าถึงได้มากขึ้น
ครงการนำร่องสเตเบิลคอยน์ของ Visa เชื่อมโยงการชำระเงินแบบดั้งเดิมกับดิจิทัล
ภายใต้โครงการนำร่องนี้ บริษัทที่ใช้บริการ Visa Direct สามารถโอนเงินเพื่อการจ่ายในรูปแบบเงินเฟียต ขณะที่ผู้รับเงิน เช่น ฟรีแลนซ์ ครีเอเตอร์ หรือนักทำงานกิ๊ก สามารถเลือกที่จะรับรายได้ในรูปแบบ USDC ซึ่งเป็นสเตเบิลคอยน์ที่มีการหนุนหลังด้วยดอลลาร์สหรัฐในอัตรา 1: ตามข้อมูลของ Visa การชำระเงินลักษณะนี้สามารถดำเนินการเสร็จสิ้นภายในไม่กี่นาที แทนที่จะต้องรอหลายวันเหมือนระบบธนาคารแบบเดิม อีกทั้งยังหลีกเลี่ยงปัญหาเรื่องสกุลเงินต่างประเทศ โดยทุกธุรกรรมจะถูกบันทึกไว้บนบล็อกเชน ทำให้ตรวจสอบและตรวจนับได้อย่างโปร่งใส
“การเปิดตัวระบบจ่ายเงินด้วยสเตเบิลคอยน์ มีเป้าหมายเพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงเงินได้ภายในไม่กี่นาที ไม่ใช่ต้องรอหลายวัน ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดก็ตาม” คริส นิวเคิร์ก (Chris Newkirk) ประธานฝ่ายโซลูชันเชิงพาณิชย์และการเคลื่อนย้ายเงินของ Visa กล่าว เขาเสริมว่า เป้าหมายของ Visa คือการช่วยให้ผู้คนสามารถเคลื่อนย้ายเงินได้เร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นครีเอเตอร์ ธุรกิจ หรือฟรีแลนซ์ที่ทำงานข้ามประเทศ
หนุนอุตสาหกรรมครีเอเตอร์และเศรษฐกิจกิ๊ก
โครงการนี้ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาหลักของแรงงานดิจิทัล — การชำระเงินข้ามประเทศที่ล่าช้าและมีค่าธรรมเนียมสูง รายงาน Visa Creator Report ล่าสุดเผยว่า 57% ของครีเอเตอร์ดิจิทัลต้องการตัวเลือกการจ่ายเงินแบบดิจิทัล เพราะสามารถเข้าถึงเงินได้ทันที
คุณสมบัติใหม่นี้ของ Visa อาจเป็นประโยชน์อย่างมากต่อผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่ระบบธนาคารเข้าถึงยาก หรือประเทศที่มีเงินเฟ้อสูง ซึ่งการเข้าถึงเงินดอลลาร์สหรัฐที่มีเสถียรภาพเป็นเรื่องยาก
การเปิดให้รับเงินในรูปแบบ USDC ทำให้ผู้ใช้งานเหล่านี้มีทางเลือกที่มั่นคงและไร้พรมแดน แทนที่จะต้องพึ่งพาเงินเฟียตท้องถิ่นที่มักเสื่อมค่ารวดเร็ว Visa ระบุข้อดีหลักของระบบนี้ 3 ประการ ได้แก่
- การจ่ายเงินเกือบจะทันที
- มูลค่า USD ที่คาดการณ์ได้
- ความโปร่งใสจากการใช้บล็อกเชน
ผู้รับสามารถถือ ใช้จ่าย หรือแปลงสเตเบิลคอยน์ตามต้องการ ซึ่งเป็นความยืดหยุ่นที่ระบบการเงินดั้งเดิมไม่สามารถให้ได้
ขยายกลยุทธ์สเตเบิลคอยน์ของ Visa
โครงการนี้ต่อยอดจากแนวทางของ Visa ที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีสเตเบิลคอยน์มากขึ้น ก่อนหน้านี้บริษัทได้ขยายโครงการชำระบัญชีด้วยสเตเบิลคอยน์ให้รองรับสินทรัพย์หลายประเภท เช่น PYUSD, EURC และ USDG บนบล็อกเชน Ethereum และ Solana
Visa ยังได้ทดลองการเติมเงินล่วงหน้าในบัญชีขององค์กรด้วยสเตเบิลคอยน์ เพื่อปูทางไปสู่การเชื่อมต่อที่ไร้รอยต่อระหว่างระบบเงินเฟียตและคริปโต สำหรับโครงการใหม่นี้จะเน้นที่การจ่ายเงินให้กับผู้ใช้งานปลายทางโดยตรง ถือเป็นครั้งแรกที่สเตเบิลคอยน์ถูกนำมาใช้ในระดับผู้บริโภคและผู้รับจ้าง
นอกจากนี้ Visa ระบุว่าการเปิดให้ใช้งานในวงกว้างน่าจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2026 ซึ่งจะขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาดและความคืบหน้าด้านกฎระเบียบ
มองอนาคตของระบบการชำระเงิน
การเคลื่อนไหวของ Visa สะท้อนแนวโน้มที่กว้างขึ้นของอุตสาหกรรมการชำระเงิน ที่เริ่มนำสเตเบิลคอยน์มาใช้มากขึ้น โดยการให้ผู้รับเลือกได้ว่าจะรับเงินอย่างไร Visa กำลังวางตำแหน่งตนเองให้อยู่ศูนย์กลางของระบบการเงินยุคใหม่ ซึ่งเงินดิจิทัลและระบบธนาคารดั้งเดิมสามารถอยู่ร่วมกันได้
หากโครงการนี้ประสบความสำเร็จ อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการกำหนดวิธีที่ผู้คนหลายพันล้านทั่วโลก — ตั้งแต่เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงครีเอเตอร์ออนไลน์ — ได้รับเงินในเศรษฐกิจดิจิทัลระดับโลกในอนาคต
ติดตามเราบน Google News
รับข้อมูลเชิงลึกและการอัปเดตคริปโตล่าสุด


