Synthetix กลับสู่ Ethereum Mainnet หลังค่าธรรมเนียมลดลง ช่วยฟื้นตลาด Perpetuals บนเครือข่าย

Synthetix กลับมาสู่ Ethereum mainnet อย่างชัดเจนหลังจากหายไปนาน 3 ปี โดยโปรโตคอลได้เปิดตัวแพลตฟอร์มซื้อขาย perpetuals เวอร์ชันเบต้าแบบส่วนตัวเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2025 ที่ผ่านมา ค่าธรรมเนียม gas สูงในอดีตเคยบีบให้ Synthetix และแพลตฟอร์มอนุพันธ์อื่น ๆ ย้ายไปใช้เครือข่าย layer-2 เช่น Base แต่ปัจจุบันสภาพแวดล้อมค่าธรรมเนียมบน Ethereum เปลี่ยนไปอย่างมาก เปิดโอกาสให้กิจกรรม DeFi ที่ซับซ้อนและมีความถี่สูงกลับมาทำงานบน mainnet ได้อีกครั้ง

ค่าธรรมเนียม gas ลดลง ฟื้นความสามารถของ Mainnet

ค่าธรรมเนียม gas ของ Ethereum ปัจจุบันอยู่ในระดับที่ไม่สามารถจินตนาการได้ในช่วงตลาดกระทิงครั้งก่อน การทำธุรกรรมมักเกิดต่ำกว่า 5 gwei ลดลงประมาณ 26 เท่าจากช่วงที่มีความหนาแน่นสูงที่สุด สภาพเช่นนี้ช่วยลบอุปสรรคหลักที่เคยผลักดันการซื้อขายอนุพันธ์ออกจาก mainnet ทำให้เทรดเดอร์สามารถทำ perpetuals ด้วยต้นทุนที่คาดการณ์ได้ พร้อมกับได้รับประโยชน์จากสภาพคล่องลึกและความสามารถในการรวม (composability) ของ Ethereum

การรวมตัวของสภาพคล่องสนับสนุนการกลับสู่ Mainnet

Ethereum ยังคงเป็นที่ตั้งของสภาพคล่อง onchain กว่า 90% ของ DeFi ทั้งหมด Synthetix ใช้ประโยชน์จากการรวมตัวนี้โดยนำเครื่องยนต์ perpetuals กลับไปยังจุดที่มีเงินทุนอยู่แล้ว การกระจายตัวบน L2 หลายเครือข่ายเคยทำให้สภาพคล่องลดลงและเพิ่มความซับซ้อนสำหรับเทรดเดอร์ขั้นสูง การกลับไป deploy บน mainnet ช่วยให้การดำเนินงานง่ายขึ้น ปรับปรุงราคา และลดการพึ่งพา cross-chain bridges

การเปิดตัว Perpetuals เริ่มจากตลาดหลักก่อน

Synthetix สนับสนุนตลาด perpetual ของ BTC, ETH และ SOL โดยมีเลเวอเรจสูงสุดถึง 50x การเปิดตัวแบบเน้นตลาดเหล่านี้ให้ความสำคัญกับสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงที่สุด พร้อมทดสอบประสิทธิภาพภายใต้สภาพการซื้อขายจริง ทีมจำกัดการเข้าถึงด้วยเบต้าแบบส่วนตัวเพื่อให้มั่นใจในความเสถียรก่อนขยายสู่ผู้ใช้งานกว้าง วิธีการควบคุมนี้สะท้อนบทเรียนจากความท้าทายด้านการขยายตัวในอดีต

Ethereum ยืนยันบทบาทเป็นเลเยอร์ชำระบัญชีของ DeFi อีกครั้ง

การกลับมาของ Synthetix ส่งสัญญาณกว้างขึ้นไปยังระบบนิเวศ DeFi Ethereum ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเลเยอร์ชำระบัญชีสำหรับ rollup เท่านั้น ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ผลกระทบของ proto-danksharding และการอัปเกรดโครงสร้างพื้นฐานช่วยฟื้นความสามารถในการรองรับฟังก์ชันทางการเงินที่ซับซ้อนโดยตรง โปรโตคอลอนุพันธ์อาจพิจารณาใหม่มากขึ้นว่า ยุทธศาสตร์ L2-first ยังจำเป็นอยู่หรือไม่