Pi Network ขยับเข้าใกล้ความพร้อมด้านกฎระเบียบในสหภาพยุโรป ขณะการปลดล็อก 190 ล้านโทเคนสอดรับทิศทางยูทิลิตี้ด้านเกม

Pi Network กำลังก้าวเข้าสู่เฟสใหม่ในยุโรปอย่างชัดเจน หลังกรอบกำกับดูแล MiCA มีผลบังคับใช้ หลายแหล่งข่าวในชุมชนระบุว่า Pi มีความพร้อมด้านเทคนิคและข้อกฎหมายสำหรับการยอมรับในสหภาพยุโรปแล้ว โดยมีการอ้างอิงถึง “Pi Euro” และความเป็นไปได้ของผลิตภัณฑ์ที่ซื้อขายบนตลาดหลักทรัพย์

ผู้สนับสนุนมองว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นสัญญาณของการเปิดทางสู่การเข้าถึงที่อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ และเป็นก้าวสำคัญต่อการขยายตัวในยุโรป แม้ Pi Core Team ยังไม่ได้ยื่นเอกสารกำกับดูแลอย่างเป็นทางการ แต่มุมมองจากผู้พัฒนาในระบบนิเวศชี้ว่าการปฏิบัติตามกฎระเบียบได้ถูกวางไว้ในโรดแมปแล้ว ส่งผลให้บรรยากาศในชุมชนเปลี่ยนเป็นเชิงบวก หลายคนเชื่อว่าโปรเจ็กต์กำลังเคลื่อนจาก “วิสัยทัศน์” มาสู่ “โครงสร้างที่เป็นรูปธรรม” โดยให้ความสำคัญกับการใช้งานจริง ไม่ใช่แค่การขุดเท่านั้น

การปลดล็อก 190 ล้าน PI มาพร้อมแรงผลักดันยูทิลิตี้ด้านเกม

เดือนธันวาคมยังมีการปลดล็อกโทเคน PI จำนวน 190 ล้านโทเคน ซึ่งปกติอาจทำให้เกิดความกังวลเรื่องอุปทานเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ติดตาม Pi Network มองว่าครั้งนี้อาจแตกต่าง โดยผู้พัฒนาระบบนิเวศ RichAdams ชี้ไปที่การเปิดตัว CiDi Games ที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนดีมานด์ใหม่ แนวคิดมีอยู่ว่า เมื่ออุปทานเพิ่มขึ้น ระบบนิเวศต้องการดูดซับมันด้วยการเพิ่มการใช้งานจริงผ่านเกม

แรงผลักดันในด้านเกมมีเป้าหมายเพื่อให้ Pi ถูกใช้จริงภายในแอป เช่น การชำระเงินในเกม รางวัล และไอเทมดิจิทัล ผู้สนับสนุนเชื่อว่านี่จะช่วยลดแรงขาย และทำให้กระแสการทำธุรกรรมมีความต่อเนื่องยิ่งขึ้น ภาพรวมของการพูดคุยเปลี่ยนจาก “ราคา” ไปสู่ “การใช้งาน” หลายคนมองว่า Pi Network ควรถูกนิยามเป็นเครือข่ายยูทิลิตี้ก่อน และเป็นสินทรัพย์เก็งกำไรทีหลัง

ความคืบหน้า KYC แตะ 3.36 ล้านผู้ใช้ทั่วโลก

ควบคู่กัน ระบบยืนยันตัวตนของ Pi ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามข้อมูลจาก Pi Network Alerts ขณะนี้มีผู้ใช้มากกว่า 3.36 ล้านคนผ่าน KYC แล้ว และระบบถูกประเมินว่าใกล้เสร็จสมบูรณ์ถึง 98% ประเด็นนี้สำคัญด้วยเหตุผลหลักข้อเดียว—หากไม่มี KYC การขยาย Mainnet แบบเปิดจะไม่สามารถดำเนินไปได้เต็มที่ เมื่อมี KYC แล้ว Pi สามารถปลดล็อกฟีเจอร์กระเป๋าเงิน การเข้าถึงแอป และการโอนในระบบนิเวศได้มากขึ้น

หมุดหมาย KYC นี้ยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านความสอดคล้องตามกฎเกณฑ์ของ Pi เพราะสะท้อนว่าโปรเจ็กต์มุ่งเน้นผู้ใช้งานที่เป็นมนุษย์จริง ไม่ใช่ปริมาณที่ขับเคลื่อนด้วยบอต ยิ่งมีผู้ใช้ผ่าน KYC มากเท่าไร ความเชื่อมั่นบนบล็อกเชนสำหรับนักพัฒนา ร้านค้า และพาร์ตเนอร์ด้านการชำระเงินในอนาคตก็แข็งแรงมากขึ้นเท่านั้น

การจัดการเว็บปลอมและวิสัยทัศน์ระบบชำระเงินด้วย AI ชี้ทิศทางต่อไป

ความปลอดภัยยังคงเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนา ตัวอย่างเช่น Pi Core Team เพิ่งบล็อกเว็บไซต์ปลอมที่พยายามสวมรอยเป็นบริการทางการ และขณะนี้เว็บไซต์ดังกล่าวถูกจำกัดการเข้าถึงทั้งหมดใน Pi Browser แล้ว เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความพยายามปกป้องผู้ใช้อย่างจริงจัง ขณะกิจกรรมในระบบเพิ่มมากขึ้น แต่เมื่อมีมูลค่าไหลเข้ามาในระบบนิเวศมากขึ้น ความเสี่ยงการหลอกลวงก็คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน ทำให้ทีมพัฒนาเริ่มเข้มงวดมากขึ้นล่วงหน้าก่อนการใช้งานในวงกว้าง

ในอีกด้าน เสียงจากชุมชนกำลังผลักดันวิสัยทัศน์ที่กล้าหาญกว่าเดิม มีการพูดถึงโลกที่เอเจนต์ AI และหุ่นยนต์สามารถทำธุรกรรมอัตโนมัติ ขณะโพสต์ที่อ้างอิงถึง OpenMind และ Circle ก็ช่วยเสริมแรงให้แนวคิดนี้ ผู้สนับสนุนเชื่อว่า Pi อาจมีบทบาทในเศรษฐกิจระหว่าง “เครื่องจักร–มนุษย์” ในอนาคต ซึ่งการชำระเงินเกิดขึ้นโดยไม่ต้องมีการกระทำโดยตรงของมนุษย์

ภาพรวม

เวลานี้ Pi Network อยู่ที่จุดตัดสำคัญ ต้องเผชิญกับการปลดล็อกโทเคนครั้งใหญ่ แต่ในขณะเดียวกันก็มีสัญญาณความพร้อมด้านกฎระเบียบเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขยายยูทิลิตี้ด้านเกม ความคืบหน้า KYC ครั้งใหญ่ และมาตรการความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้น คำถามสำคัญคือชิ้นส่วนทั้งหมดนี้จะเชื่อมกันเป็นแรงส่งทางเศรษฐกิจจริงได้หรือไม่ ในตอนนี้ Pi Network กำลังวางตำแหน่งตัวเองสู่อนาคตที่มีการกำกับดูแลชัดเจนและขับเคลื่อนด้วยยูทิลิตี้ เดือนธันวาคมอาจกลายเป็นหนึ่งในช่วงเวลาทดสอบที่สำคัญที่สุดของโปรเจ็กต์