Pi Network เปิดตัวฟีเจอร์ PiBridge เพิ่มศักยภาพก่อนเปิดใช้งาน Mainnet อย่างเป็นทางการ

Pi Network หนึ่งในโปรเจกต์บล็อกเชนที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดในระดับโลก ได้ก้าวไปอีกขั้นสำคัญสู่การเปิดตัว Mainnet อย่างเป็นทางการ โดยระบบนิเวศที่ขับเคลื่อนด้วยชุมชนนี้ได้เปิดตัว PiBridge ฟีเจอร์ DeFi ใหม่ ที่ช่วยให้ผู้ใช้นำเหรียญ Pi ที่ถืออยู่ไปใช้ประโยชน์ในโลกจริง เช่น การให้กู้ยืมแบบเพียร์ทูเพียร์ (P2P) และการสร้างผลตอบแทน

PiBridge ขยายขอบเขตการใช้งานจริงของ Pi

อัปเดตล่าสุดที่เผยแพร่โดยสมาชิกชุมชน Pi Network DEX ระบุว่า ขณะนี้ผู้ใช้สามารถนำโทเคน Pi มาใช้เป็นหลักประกันเพื่อกู้ยืมเหรียญ Stablecoin หรือสร้างรายได้แบบพาสซีฟได้ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของระบบนิเวศ Pi ที่กำลังเชื่อมโยงช่องว่างระหว่างเหรียญ Pi ที่ขุดผ่านมือถือกับโลกของการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi)

การเปิดตัว PiBridge ช่วยเติมเต็มการใช้งานที่ผู้ใช้เฝ้ารอมาอย่างยาวนานสำหรับ “Pioneers” หลายล้านคนที่รอคอยการเปิดตัว Mainnet แบบสาธารณะ ฟีเจอร์การให้กู้ยืม P2P แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของ Pi Network ที่ต้องการสร้างมูลค่าที่แท้จริงภายใต้กรอบการทำงานแบบกระจายศูนย์ แทนที่จะเป็นเพียงระบบปิดในเชิงทดลอง อีกทั้งยังสะท้อนถึงความต้องการของผู้ใช้ที่เพิ่มขึ้นต่อเครื่องมือทางการเงินบนบล็อกเชนที่เชื่อมโยงกับ Pi ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งานทั่วโลกมากกว่า 65 ล้านคน

สถาปัตยกรรมของ PiBridge ถูกออกแบบให้รวมบริการด้านการให้กู้ยืม การวางเดิมพัน (staking) และการจัดหาสภาพคล่อง (liquidity) เข้าไว้ด้วยกัน โดยยังคงสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ “mobile-first” ของโปรเจกต์ ผู้สนับสนุนหลายคนเชื่อว่าการเพิ่มฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ Pi พัฒนาไปสู่เศรษฐกิจบล็อกเชนที่ใช้งานได้จริงและยั่งยืนในตัวเอง

การเปิดตัว Mainnet เข้าสู่ขั้นตอนตรวจสอบขั้นสุดท้าย

จากโพสต์ของชุมชนเดียวกัน ทีมหลักของ Pi (Pi Core Team) ระบุว่าขณะนี้อยู่ในขั้นตอน “ตรวจสอบเชิงลึกและละเอียดถี่ถ้วน” ซึ่งบ่งชี้ว่าการเปิดตัว Mainnet แบบสาธารณะ (Open Mainnet) ที่รอคอยกันมานานอาจใกล้เข้ามามากกว่าที่เคย ทีมงานซึ่งนำโดยผู้ร่วมก่อตั้ง ดร. Nicolas Kokkalis และ ดร. Chengdiao Fan ยังไม่ได้ยืนยันวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ยืนยันว่ากระบวนการดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายแล้ว

กระแสความตื่นเต้นของชุมชนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ Pi Network เข้าสู่เฟส Mainnet แบบปิดในช่วงปลายปี 2021 ซึ่งในขณะนั้นการโอนเหรียญถูกจำกัดเพื่อให้การย้ายระบบเป็นไปอย่างมั่นคงและปลอดภัย ตอนนี้เมื่อการเปิดตัวแบบสาธารณะใกล้เข้ามา ระบบต่าง ๆ เช่น PiBridge ก็ถูกพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ระบบนิเวศก่อนเปิดให้ใช้งานเต็มรูปแบบ

เตือนความปลอดภัยและการรักษาความโปร่งใส

พร้อมกับการประกาศเปิดตัว PiBridge ช่องทางชุมชนของ Pi Network ยังได้เตือนผู้ใช้อย่างต่อเนื่องให้ปกป้องรหัสผ่านส่วนตัว (passphrase) และหลีกเลี่ยงเว็บไซต์ฟิชชิ่ง ทีม Core Team ย้ำชัดว่า จะไม่มีตัวแทนอย่างเป็นทางการคนใดขอข้อมูลล็อกอินหรือข้อมูลยืนยันตัวตน (KYC) จากผู้ใช้โดยตรง การเตือนเหล่านี้สะท้อนถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องของโปรเจกต์ในการรักษาความโปร่งใสและปกป้องผู้ใช้ระหว่างขั้นตอนการย้ายระบบและการตรวจสอบตัวตน

ตามรายงานของ Pi Network News มี Pioneers มากกว่า 3,36 ล้านคน ที่ผ่านการตรวจสอบ KYC สำเร็จและย้ายยอดคงเหลือ Pi มายัง Mainnet แล้ว ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงขนาดของชุมชนและความก้าวหน้าของโปรเจกต์ในการนำผู้ใช้จำนวนมหาศาลเข้าสู่เครือข่ายบล็อกเชนจริง

ก้าวเข้าใกล้อนาคตของ Web3

พัฒนาการล่าสุดของ Pi Network แสดงให้เห็นถึงโมเมนตัมที่ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ PiBridge นำเสนอการใช้งาน DeFi ที่จับต้องได้ และมีผู้ใช้หลายล้านคนผ่านการยืนยัน KYC แล้ว โครงการนี้กำลังเข้าใกล้วิสัยทัศน์ที่ตั้งไว้ — การสร้างเครือข่ายสกุลเงินดิจิทัลที่ขุดได้บนมือถือ เป็นของผู้ใช้ และเข้าถึงได้สำหรับทุกคน

เมื่อการประกาศเปิดตัว Mainnet อย่างเป็นทางการใกล้เข้ามา ชาว Pi ทั่วโลกต่างจับตามองอย่างใกล้ชิด เรื่องราวของ Pi Network ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่าเป็นเพียงการทดลองที่ทะเยอทะยาน บัดนี้ดูพร้อมที่จะก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในระบบนิเวศ Web3 รุ่นถัดไปอย่างเต็มภาคภูมิ.