IBM เปิดตัวชิปควอนตัม Nighthawk ผลักขีดจำกัดด้านความปลอดภัยของคริปโต

IBM เดินหน้าต่อยอดนวัตกรรมด้านคอมพิวเตอร์อีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว Quantum Nighthawk ชิปประมวลผลรุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่ออนาคตของ คอมพิวเตอร์ควอนตัม โดยรายงานระบุว่าชิปนี้สามารถประมวลผลได้เกือบ 5,000 two-qubit gates ซึ่งเพิ่มขีดความสามารถมากกว่ารุ่นก่อนหน้ากว่า 10 เท่า และตั้งเป้าที่จะขยายให้ได้ประมาณ 15,000 two-qubit gates ภายในปี 2028

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีครั้งนี้ได้จุดกระแสการถกเถียงครั้งใหม่ทั้งในวงการเทคโนโลยีและการเงิน อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ประสิทธิภาพของการประมวลผลเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ ศักยภาพด้านความปลอดภัยต่อภัยคุกคามจากการเข้ารหัสเชิงควอนตัม
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า เมื่อคอมพิวเตอร์ควอนตัมพัฒนาไปถึงระดับสูงขึ้น ความสามารถที่เพิ่มขึ้นนี้อาจกลายเป็นภัยต่อระบบการเข้ารหัสที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งทำหน้าที่ปกป้องทุกอย่างตั้งแต่การชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ไปจนถึงธุรกรรมบนบล็อกเชน

ชิป Nighthawk ถือเป็นสัญลักษณ์ของความทะเยอทะยานของ IBM ที่ต้องการขึ้นแท่นผู้นำในสนามแข่งขันของการพัฒนาคอมพิวเตอร์ควอนตัม แต่ในอีกด้านหนึ่ง ก็ทำให้เกิดคำถามสำคัญเกี่ยวกับ ความปลอดภัยของข้อมูล ในยุคที่ระบบควอนตัมอาจสามารถถอดรหัสข้อมูลที่เราเคยกังวลได้ภายในไม่กี่วินาที

🚨BREAKING: IBM unveils its most ADVANCED quantum chip that could affect #crypto security.

IBM Quantum Nighthawk runs ~5,000 two-qubit gates now and targets ~15,000 by 2028.

Experts note, however, that cracking RSA-2048 crypto encryption would require nearly a million qubits. pic.twitter.com/rOQJsArYXj

— Coin Bureau (@coinbureau) November 12, 2025

พลังควอนตัม vs มาตรฐานการเข้ารหัส

คอมพิวเตอร์ควอนตัมทำงานด้วย qubit ซึ่งต่างจากบิตแบบดั้งเดิม เพราะสามารถอยู่ในหลายสถานะพร้อมกันได้ ความสามารถนี้ทำให้พลังการประมวลผลเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ งานที่คอมพิวเตอร์ทั่วไปต้องใช้เวลาหลายปีจึงจะสำเร็จ อาจทำได้ภายในไม่กี่นาที

อย่างไรก็ตาม จุดแข็งนี้เองที่อาจกลายเป็นภัยต่ออัลกอริทึมการเข้ารหัสในปัจจุบัน ระบบการเข้ารหัส RSA-2048 ที่ใช้ปกป้องธุรกรรมทางการเงินและคริปโตส่วนใหญ่บนโลกออนไลน์ จะต้องใช้กำลังประมวลผลมากถึง เกือบหนึ่งล้าน qubits เพื่อถอดรหัสได้ในทางทฤษฎี
แม้ว่า Nighthawk ของ IBM จะยังห่างไกลจากระดับนั้น แต่ความก้าวหน้าที่รวดเร็วนี้ได้สร้างความกังวลให้กับทั้งวงการ ความปลอดภัยไซเบอร์ และ คริปโตเคอร์เรนซี

สำหรับตอนนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเชิงควอนตัมยังคงเห็นตรงกันว่า ภัยคุกคามเหล่านี้ยังเป็นเพียงแนวคิดเชิงทฤษฎี แต่ ระยะเวลาปลอดภัยอาจกำลังสั้นลงเรื่อย ๆ
เมื่อชิปอย่าง IBM Quantum Nighthawk พัฒนาไปข้างหน้า ระบบการเข้ารหัสก็จำเป็นต้องปรับตัวให้เร็วขึ้นเช่นกัน

การแข่งขันสู่ความได้เปรียบเชิงควอนตัม

IBM ได้เปิดเผย แผนงาน (roadmap) ที่มีเป้าหมายขยายระบบควอนตัมให้มี qubit หลายหมื่นหน่วยภายในสิ้นทศวรรษนี้ พร้อมทั้งลดอัตราความผิดพลาดและเพิ่มระยะเวลาการคงสภาพของ qubit ให้ยาวนานขึ้น
ชิป Quantum Nighthawk ถือเป็น ก้าวสำคัญ ในเส้นทางนี้ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนจากประโยชน์ในทางทฤษฎีไปสู่ ความได้เปรียบเชิงควอนตัมในโลกจริง

ความก้าวหน้านี้ไม่เพียงเพิ่มระดับการแข่งขันในหมู่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบลึกซึ้งต่อภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพาเครือข่ายการสื่อสารที่มีความปลอดภัยสูง พลังของควอนตัมที่ขยายขนาดได้จะส่งผลต่อทุกภาคส่วน ตั้งแต่ระบบป้องกันประเทศไปจนถึง การเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi)

บทสรุป

อนาคตของ ความปลอดภัยในโลกคริปโต จะขึ้นอยู่กับความเร็วที่ระบบนิเวศของบล็อกเชนสามารถ ปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีควอนตัม ได้
อุตสาหกรรมนี้จำเป็นต้องลงทุนใน ระบบเข้ารหัสที่ต้านทานควอนตัมได้, ปรับปรุงโปรโตคอลเครือข่ายให้พร้อมสำหรับยุคควอนตัม และพัฒนาแนวทางรับมือช่องโหว่ด้านควอนตัมผ่าน ความร่วมมือกับสถาบันชั้นนำ เช่น IBM และพันธมิตรอื่น ๆ

ความก้าวหน้าของ IBM ในด้านคอมพิวเตอร์ควอนตัม ยังไม่ใช่ภัยคุกคามในตอนนี้ — แต่เป็น สัญญาณเตือนที่ชัดเจน
ยุคของการครอบงำโดยเทคโนโลยีควอนตัมกำลังมาถึงเร็วกว่าที่หลายคนคาด และนี่คือเวลาที่โลกต้องเริ่มสร้างเกราะป้องกันเพื่อรับมือกับมัน.