CZ ทบทวนอดีตของ TWT และโรดแมปใหม่ของ Trust Wallet

ชางเผิง เจ้า (CZ) อดีตซีอีโอของ Binance ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับโทเคนประจำของ Trust Wallet อย่าง TWT เขาระบุว่า โทเคนนี้เริ่มต้นขึ้นในฐานะการทดลอง แต่เกิดปัญหาเมื่อมูลค่าแบบ fully diluted valuation (FDV) พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อแก้ไขสถานการณ์ ทีมงานได้ตัดสินใจเผาโทเคน 99% ของอุปทานทั้งหมดในปี 2020 การเผาครั้งนั้นทำให้ TWT กว่า 89,000 ล้านโทเคนถูกทำลาย คิดเป็นมูลค่าราว 2,3 พันล้านดอลลาร์ในขณะนั้น เพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจของโทเคนที่มีเสถียรภาพมากขึ้น

จากการเผาสู่การฟื้นตัว

หลังจากการเผา TWT ถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งในรูปแบบโทเคน BEP-20 บน Binance Smart Chain การลดอุปทานช่วยหนุนให้ราคาโทเคนพุ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การเติบโตไม่ได้รวดเร็ว เนื่องจากกรณีการใช้งานจริงของ TWT ยังมีจำกัด นักวิจารณ์หลายคนมองว่าโทเคนนี้ไม่มีคุณค่าในระยะยาว CZ ยอมรับประเด็นนี้ในโพสต์ของเขา โดยกล่าวว่า หลังการเผา โปรเจกต์ยังไม่สามารถสร้างการใช้งานจริงที่เพียงพอได้

ปัจจุบัน Trust Wallet กำลังพัฒนาฟังก์ชันใหม่สำหรับ TWT โดยในสัปดาห์นี้ได้เผยแพร่ litepaper ที่ระบุโรดแมประยะเวลา 6 เดือน เริ่มตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2025 ผู้ถือ TWT จะมีทางเลือกในการใช้โทเคนเพิ่มขึ้น เช่น ส่วนลดค่าบริการภายในแอป สิทธิ์โหวต รางวัลจากการ stake และอื่น ๆ อีกทั้งยังอาจมีการเชื่อมโยงกับ NFT และเครือข่ายกระจายศูนย์ ทีมงานตั้งเป้าว่าจะดำเนินการ rollout ได้ในเดือนเมษายน 2026

บทบาทและมรดกของ CZ

ความสำคัญของถ้อยแถลงของ CZ อยู่ที่เขาเป็นบุคคลหลักในกระบวนการก่อตั้ง Trust Wallet โดยในปี 2018 Binance ได้เข้าซื้อกิจการกระเป๋านี้ และ TWT ก็ผูกพันอยู่กับระบบนิเวศของ Binance มาโดยตลอด แม้ CZ จะก้าวลงจากตำแหน่งซีอีโอ Binance ในปี 2023 ท่ามกลางคดีความในสหรัฐฯ แต่เขายังคงเป็นหนึ่งในเสียงที่ทรงอิทธิพลที่สุดในวงการคริปโต และยังคงสนับสนุน TWT ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในอนาคตของ Trust Wallet

ปัจจุบัน Trust Wallet มีผู้ใช้งานกว่า 200 ล้านราย และรองรับสินทรัพย์บล็อกเชนมากกว่า 100 รายการ หาก TWT ได้รับการเพิ่มคุณค่าในการใช้งาน ก็อาจกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญในระบบ DeFi ที่ขับเคลื่อนด้วยกระเป๋าเงินดิจิทัล อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังคงมีอยู่ แรงกดดันด้านกฎระเบียบยังไม่ลดลง และการแข่งขันก็รุนแรงจากคู่แข่งอย่าง MetaMask ความสนใจของชุมชนยังคงสูง แต่ความสำเร็จจะขึ้นอยู่กับการนำไปใช้งานจริงว่าจะสามารถทำตามสัญญาและสร้างความเชื่อมั่นระยะยาวได้หรือไม่