Brickken Staking พุ่งทะลุ 17 ล้าน ก่อนเข้าสู่เฟสสอง

Brickken Staking เพิ่งทำสถิติสำคัญด้วยจำนวน $BKN มูลค่า 17.5 ล้านดอลลาร์ที่ถูกล็อกไว้ในสเตกิง เท่ากับมากกว่า 12% ของอุปทานทั้งหมด ซึ่งเกิดขึ้นก่อนที่เฟสสองจะเริ่มขึ้น ตัวเลขเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ มันสะท้อนความเชื่อมั่นในศักยภาพระยะยาวของโครงการ และเชื่อว่าเฟสถัดไปจะเป็นมากกว่าแค่การอัปเดตทั่วไป

เหตุการณ์สำคัญนี้ยังสอดคล้องกับเรื่องราวที่ใหญ่กว่าของตลาดโทเคน โลกของการโทเคไนซ์มีมูลค่า 3.38 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.13 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 มองไปข้างหน้า คาดการณ์ว่าสิ้นปี 2035 จะมีมูลค่า 25.2 พันล้านดอลลาร์ โดยมีอัตราการเติบโตต่อปีใกล้เคียง 20% การโทเคไนซ์สินทรัพย์จริงเติบโตขึ้น 245 เท่านับตั้งแต่ปี 2020 และมีมูลค่ารวมเกิน 25 พันล้านดอลลาร์ การนำไปใช้โดยสถาบันกำลังเร่งตัว และแนวโน้มนี้กำลังเปลี่ยนวิธีการทำงานของการเงินในระดับโครงสร้าง

ตำแหน่งของ Brickken ในภูมิทัศน์บล็อกเชนยุโร

Brickken สามารถวางตัวเองอยู่ตรงกลางของการเปลี่ยนแปลงนี้ ในยุโรป บริษัทกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่จริงจังที่สุด โดยระดมทุนได้ 2.4 ล้านยูโร ด้วยมูลค่าหลังระดมทุน 21.7 ล้านยูโร มีสินทรัพย์โทเคไนซ์ครอบคลุม 14 ประเทศ รวมมูลค่า 241 ล้านยูโร และทำกำไร EBITDA บวกในปี 2024 นอกจากนี้ ยังได้รับการรับรองเข้าร่วม European Blockchain Regulatory Sandbox ร่วมมือกับ Coinbase และได้รับสถานะผู้ให้บริการอย่างเป็นทางการสำหรับ BNB Chain

ความสอดคล้องของชุมชนผ่าน Brickken Staking Vaults

Brickken เสนอโครงสร้างวอลต์สเตกิง 3 แบบ ตั้งแต่ผลตอบแทนประจำปี 15% ไปจนถึงรุ่นพิเศษที่มีรางวัลเพิ่มและข้อผูกพันระยะยาว การล็อกโทเคนไม่ได้เป็นเพียงการแสวงหาผลตอบแทน แต่ยังสนับสนุนการกำกับดูแล การระดมทุน และความปลอดภัยของระบบนิเวศ ในทางปฏิบัติ สิ่งนี้ช่วยลดอุปทานหมุนเวียน ลดแรงกดดันในการขาย และสร้างความเชื่อมั่นในทิศทางโครงการ

เฟสสองขยายการใช้งานด้วย DeFi และเครื่องมือ AI

เฟสสองตั้งใจผลักดันเส้นทางนี้ต่อไป แผนงานไม่ได้เน้นเพียงการแก้ไขเล็กน้อยหรือปรับปรุงภายนอก แต่เพิ่มการใช้งานโทเคนใหม่สำหรับ DeFi ระดับโลก การรวมสินทรัพย์ค้ำประกันกับแพลตฟอร์มอย่าง Credefi และโซลูชันขั้นสูง เช่น API สำหรับองค์กรและเครื่องมือ AI นอกจากนี้ยังเน้นการชำระเงินข้ามพรมแดนและความปลอดภัยในซัพพลายเชน แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจขยายสู่การใช้งานจริงในธุรกิจ เส้นตายเดือนสิงหาคม 2025 สำหรับการเรียกร้องวอลต์และการสว็อปโทเคนช่วยให้การเปลี่ยนผ่านเกิดขึ้นอย่างมีโครงสร้างและรักษาแรงขับเคลื่อนให้ต่อเนื่อง

ความเคลื่อนไหวของสถาบันยืนยันแนวโน้มโทเคไนซ์

ความเชื่อมั่นไม่ได้เกิดขึ้นเพียงลำพัง ภาคการเงินในวงกว้างกำลังยืนยันแนวโน้มการโทเคไนซ์อย่างชัดเจน กองทุน BUIDL ของ BlackRock เติบโตเกือบสามเท่าในสามสัปดาห์ เครือข่ายสินทรัพย์ค้ำประกันโทเคไนซ์ของ JPMorgan ลดเวลาการชำระบัญชีจากหลายวันเหลือเพียงหนึ่งวินาที Franklin Templeton มีสินทรัพย์หลายร้อยล้านอยู่บนเชน และ Goldman Sachs ออกพันธบัตรดิจิทัลที่ชำระวันเดียวกัน ตัวอย่างเหล่านี้ชี้ชัดว่าทำไมแพลตฟอร์มอย่าง Brickken ถึงมีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก สถาบันกำลังพิสูจน์ว่าการเพิ่มประสิทธิภาพเป็นเรื่องจริง

Brickken Staking สะท้อนโครงสร้างพื้นฐานระยะยาว

เมื่อมากกว่า 12% ของอุปทานทั้งหมดถูกสเตกก่อนเฟสสอง หมายความว่าผู้ถือมอง Brickken เป็นโครงสร้างพื้นฐานระยะยาว ไม่ใช่โทเคนเก็งกำไร อุปทานที่ถูกล็อกจึงเป็นสัญญาณของความผันผวนที่ลดลง แรงจูงใจที่สอดคล้อง และเงินทุนที่มุ่งสู่การเติบโต ร่วมกับการกำกับดูแลที่ดีขึ้นในยุโรป โดยเฉพาะ MiCA และ Blockchain Sandbox Brickken จึงมีตำแหน่งที่จะครองส่วนแบ่งตลาดที่คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึงหลายหมื่นล้านดอลลาร์ภายในปี 2030

บทสรุปชัดเจน อุปทานที่ถูกล็อกสะท้อนความเชื่อมั่นว่าการโทเคไนซ์ไม่ได้เป็นแค่แนวคิดอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน และรากฐานที่ Brickken สร้างมาจนถึงตอนนี้ทำให้มีโอกาสนำตลาด เฟสสองจะพิสูจน์ว่าโครงการสามารถขยายความเชื่อมั่นนี้สู่การนำไปใช้ที่กว้างขึ้นได้หรือไม่ แต่รากฐานนั้นชัดเจนแล้ว