ข่าว

BlackRock เข้าซื้อคริปโต หนุนความเชื่อมั่นในบิตคอยน์และอีเธอเรียม

โดย

Hanan Zuhry

Hanan Zuhry

BlackRock ซื้อ BTC 1,510 และ ETH 10,270 ดอลลาร์สหรัฐ ส่งสัญญาณความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นในสินทรัพย์ดิจิทัลและความสนใจของสถาบัน

BlackRock เข้าซื้อคริปโต หนุนความเชื่อมั่นในบิตคอยน์และอีเธอเรียม

สรุปด่วน

สรุปสร้างโดย AI ตรวจสอบโดยห้องข่าว

  • BlackRock ซื้อ BTC จำนวน 1,510 BTC และ ETH จำนวน 10,270 ETH ผ่านทาง ETF เฉพาะจุดเมื่อวันที่ 9 กันยายน

  • การเคลื่อนไหวดังกล่าวเน้นย้ำถึงความสนใจของสถาบันที่เพิ่มมากขึ้นในตลาดสกุลเงินดิจิทัล

  • ETF ของ Bitcoin และ Ethereum ทำให้การลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลเป็นเรื่องง่ายขึ้นสำหรับนักลงทุนทุกประเภท

  • การซื้อเหล่านี้ส่งสัญญาณว่าสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่กระแสหลักของการเงินมากขึ้น

Cointelegraph รายงานผ่าน X (เดิมคือ Twitter) ว่า เมื่อวันที่ 9 กันยายน BlackRock ได้เข้าซื้อกองทุน ETF แบบสปอต โดยลงทุนในบิตคอยน์ (BTC) จำนวน 1,510 เหรียญ และอีเธอเรียม (ETH) จำนวน 10,270 เหรียญ การเข้าซื้อครั้งนี้สะท้อนถึงความต้องการของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่ยังคงต้องการเข้ามาในตลาดคริปโต แม้ปีนี้จะเต็มไปด้วยความผันผวนและความไม่แน่นอนก็ตาม

นี่ไม่ใช่เพียงตัวเลขบนหน้าจอ แต่เป็นสัญญาณว่าผู้จัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกมองเห็นคุณค่าในทั้งบิตคอยน์และอีเธอเรียม และเป็นการยืนยันว่าการเงินแบบดั้งเดิมกำลังก้าวเดินคู่กับสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น

สถาบันเพิ่มการเข้าซื้อ

เมื่อบริษัทอย่าง BlackRock เข้าซื้อด้วยมูลค่าขนาดนี้ ตลาดย่อมจับตามองอย่างใกล้ชิด การตัดสินใจของสถาบันมักส่งสัญญาณสำคัญต่อทั้งนักลงทุนรายย่อยและหน่วยงานกำกับดูแล

การเข้าซื้อบิตคอยน์เพียงอย่างเดียวก็มีมูลค่าหลายสิบล้านดอลลาร์ ขณะที่การเพิ่มอีเธอเรียมในพอร์ตยังสะท้อนว่า ETH ไม่ใช่เพียงตัวเลือกเสริมอีกต่อไป แต่ถูกมองเป็นสินทรัพย์ระยะยาวที่จริงจัง

ทำไมเรื่องนี้สำคัญต่อบิตคอยน์

บิตคอยน์ยังคงเป็นคริปโตเคอร์เรนซีที่ใหญ่ที่สุดและได้รับความเชื่อมั่นมากที่สุด ทุกครั้งที่ BlackRock เพิ่มการถือครอง BTC ก็ยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์ของบิตคอยน์ในฐานะ “ทองคำดิจิทัล”

กองทุน ETF ช่วยให้สถาบันถือบิตคอยน์ได้ง่ายขึ้น ไม่จำเป็นต้องใช้วอลเล็ตส่วนตัวหรือโซลูชันการเก็บรักษาที่ซับซ้อน นักลงทุนเพียงซื้อหน่วยกองทุน ETF ก็สามารถเข้าถึงบิตคอยน์ได้โดยตรง ความสะดวกนี้ทำให้ ETF บิตคอยน์ได้รับความนิยมสูงตั้งแต่ได้รับการอนุมัติ

อีเธอเรียมก้าวสู่จุดสนใจ

อีเธอเรียมกำลังพิสูจน์ว่าไม่ได้เป็นเพียง “ตัวเลือกอันดับสอง” อีกต่อไป ด้วยการเป็นรากฐานของแอป DeFi, NFT และสมาร์ตคอนแทรกต์ ที่ทำให้มีคุณค่าใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน

การเข้าซื้อ ETH มากกว่า 10,000 เหรียญของ BlackRock แสดงให้เห็นว่าบริษัทเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตระยะยาวของเครือข่ายนี้ การเปลี่ยนมาใช้ระบบ proof-of-stake ทำให้อีเธอเรียมเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยรองรับการขยายตัว ซึ่งเป็นจุดที่นักลงทุนให้ความสนใจ เพราะผสมผสานทั้งนวัตกรรมและความยั่งยืน

สัญญาณที่ส่งถึงตลาด

การเข้าซื้อคริปโตครั้งล่าสุดของ BlackRock สะท้อน 3 ประเด็นสำคัญ

  1. คริปโตยังคงอยู่ระยะยาว — ผู้จัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกจะไม่ลงทุน หากไม่เชื่อมั่นในอนาคตของสินทรัพย์เหล่านี้
  2. การกระจายพอร์ตคือกุญแจสำคัญ — การถือครองทั้งบิตคอยน์และอีเธอเรียม แสดงว่าสถาบันมองสองเหรียญนี้เป็นเสาหลักของเศรษฐกิจดิจิทัล
  3. นักลงทุนรายย่อยจับสัญญาณตาม — เมื่อสถาบันเข้าลงทุน นักลงทุนรายย่อยมักตามรอย ทำให้ตัดสินใจได้มั่นใจมากขึ้น

ผลกระทบกว้างต่อ ETF และกฎระเบียบ

ETF ของบิตคอยน์และอีเธอเรียมไม่ใช่แค่ช่องทางลงทุน แต่ยังเป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลกการเงินดั้งเดิมกับบล็อกเชน สำหรับนักลงทุนจำนวนมาก ETF คือวิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการเข้าถึงคริปโต

หน่วยงานกำกับดูแลเองก็กำลังจับตามอง เมื่อความต้องการเพิ่มขึ้น ความจำเป็นในการมีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนก็ยิ่งมากขึ้น คริปโตเคยถูกมองว่าเป็นตลาดเฉพาะ แต่ตอนนี้สถาบันการเงินอย่าง BlackRock กำลังพิสูจน์แล้วว่าสินทรัพย์ดิจิทัลคือกระแสหลัก

Google News Icon

ติดตามเราบน Google News

รับข้อมูลเชิงลึกและการอัปเดตคริปโตล่าสุด

ติดตาม