BitMine ครองแชมป์การถือครอง Ethereum ภาคองค์กร มูลค่ากว่า 1.87 ล้านเหรียญ

การเข้าซื้อครั้งล่าสุดของ BitMine สะท้อนให้เห็นถึงความเร็วที่การถือครอง Ethereum กำลังกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญของคลังบริษัท ภายในดีลเดียว บริษัทได้ซื้อ ETH จำนวน 14,665 เหรียญจาก Galaxy Digital คิดเป็นมูลค่าประมาณ 65 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ยอดถือครองรวมเพิ่มเป็น 1.87 ล้าน ETH หรือคิดเป็นมูลค่าตลาดราว 8.32 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งไม่มีบริษัทใดเข้าใกล้ระดับนี้ โดย SharpLink Gaming ซึ่งรั้งอันดับสองยังถือครองไม่ถึงครึ่งหนึ่ง

การเติบโตของกลยุทธ์ Ethereum Treasury ตั้งแต่กลางปี 2025

BitMine เพิ่งเริ่มสร้างคลัง Ethereum ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2025 เพียงไม่กี่เดือนต่อมา บริษัทได้สะสมมากกว่า 1.5% ของปริมาณหมุนเวียน ETH ทั้งหมด นอกจากนี้ยังถือครอง Bitcoin 192 เหรียญ และเงินสดกว่า 600 ล้านดอลลาร์ แต่สถานะเหล่านี้ถูกบดบังด้วยการลงทุนหลักใน Ethereum เมื่อเทียบกับกลยุทธ์การสะสม Bitcoin ของบริษัทอย่าง MicroStrategy การเคลื่อนไหวของ BitMine ดูจะเร่งรัดกว่ามาก

Tom Lee ประธานของ BitMine ได้เปิดเผยเป้าหมายที่กล้าเรียกว่า “Alchemy of 5%” โดยตั้งใจจะถือครอง 5% ของอุปทาน ETH ทั้งหมด หรือประมาณ 6 ล้านเหรียญ ปัจจุบันการสะสม 1.87 ล้าน ETH คิดเป็นหนึ่งในสามของเป้าหมายภายในเวลาไม่นาน Lee เชื่อว่า Ethereum อาจกลายเป็นชั้นการชำระบัญชีหลักของวอลล์สตรีท และยังรองรับระบบที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้อีกด้วย เขาประเมินช่วงราคาเป้าหมายอยู่ระหว่าง 12,000 ถึง 22,000 ดอลลาร์ และอาจสูงกว่านั้นในบางกรณี

การถือครอง Ethereum และซัพพลายบนแพลตฟอร์มซื้อขายที่หดตัว

ในระดับองค์กร ปัจจุบันมีบริษัท 65 แห่งที่ถือ ETH รวม 2.73 ล้านเหรียญ หรือราว 2.3% ของปริมาณหมุนเวียน ทั้งนี้มี ETH กว่า 68 ล้านเหรียญถูกล็อกไว้ในการสเตกกิ้ง คิดเป็นมากกว่าครึ่งหนึ่งของอุปทานทั้งหมด ขณะที่ยอดคงเหลือบนแพลตฟอร์มซื้อขายลดลงจากเกือบ 30% ของซัพพลายเมื่อไม่กี่ปีก่อน เหลือเพียง 12% ในปัจจุบัน นั่นทำให้ ETH ที่พร้อมสำหรับการซื้อขายลดลงอย่างต่อเนื่อง และยิ่งขยายผลกระทบจากการซื้อของภาคองค์กร

เสน่ห์ของ Ethereum ต่อบริษัทต่าง ๆ ไม่ได้มีเพียงความขาดแคลนเหมือน Bitcoin แต่ยังสามารถสร้างผลตอบแทนได้อีกด้วย รางวัลจากการสเตกกิ้งอยู่ระหว่าง 4–6% ต่อปี ขณะที่ยังสามารถนำเหรียญไปใช้ในโปรโตคอล DeFi เพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติม คุณสมบัติทั้งการเติบโตและการสร้างกระแสเงินสดนี้ ทำให้ Ethereum น่าดึงดูดต่อการบันทึกในงบดุล นักวิเคราะห์จาก Standard Chartered และสถาบันอื่น ๆ มองว่านี่คือ “สินทรัพย์ที่ก่อผลผลิต” ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำคัญเหนือ Bitcoin

SharpLink Gaming ที่ถือครองกว่า 837,000 ETH ยังคงซื้อเพิ่มต่อเนื่อง ขณะที่ Ether Machine กำลังเตรียมเข้าจดทะเบียนใน Nasdaq ด้วย ETH เกือบครึ่งล้านเหรียญ ส่วนกองทุน iShares ETH ETF ของ BlackRock บริหารจัดการแล้วกว่า 3.6 ล้าน ETH ซึ่งใกล้เคียงกับระดับสำรองของ Coinbase ผู้เล่นรายเล็กอย่าง Yunfeng Financial และ Propanc Biopharma ต่างก็เข้าซื้อโดยตรงเช่นกัน การเคลื่อนไหวเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า Ethereum กำลังถูกปฏิบัติในฐานะสินทรัพย์ระยะยาวสำหรับองค์กร

วัฏจักรการเติบโตของ DeFi ที่อาจขับเคลื่อนด้วยภาคองค์กร

นักวิเคราะห์มองว่าการเข้าซื้อของบริษัทอาจจุดชนวนวัฏจักรการเติบโตใหม่ในโลกการเงินไร้ศูนย์กลาง โดยคลังบริษัทแสวงหาผลตอบแทนและอาจสร้างสิ่งที่คล้าย “DeFi Summer 2.0” แต่ในขนาดที่ใหญ่กว่ามาก อย่างไรก็ตาม บางฝ่ายเตือนว่าบริษัทที่เข้ามาในตลาดนี้อาจไม่ได้มีเหตุผลเชิงกลยุทธ์เสมอไป บางรายอาจหวังเพียงสร้างแรงหนุนต่อมูลค่าหุ้นในระยะสั้น

สำหรับ BitMine การลงทุนนี้ถูกมองว่าเป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เป็นรากฐานสำหรับการชำระเงิน การชำระบัญชี และการพัฒนาแอปพลิเคชัน การผสมผสานระหว่างความขาดแคลน การใช้งาน และผลตอบแทนถือว่าทรงพลัง ในหลายด้าน สถานการณ์นี้สะท้อนถึงการที่ภาคธุรกิจเคยหันมาถือทองคำเมื่อหลายทศวรรษก่อน เพียงแต่ Ethereum มอบทั้งบทบาทการเก็บรักษามูลค่าและกระแสรายได้ในตัว การสะสมเชิงรุกของ BitMine แสดงให้เห็นว่าบริษัทพร้อมเดินหน้าไกลแค่ไหนเพื่อยึดบทบาทในยุคเปลี่ยนผ่าน และตอกย้ำว่าซัพพลายสามารถตึงตัวได้รวดเร็วเพียงใดเมื่อสถาบันเริ่มเข้ามาในตลาด