สหรัฐฯ คว่ำบาตร “เฉิน จื้อ” เชื่อมโยงคดีฉ้อโกงคริปโต มูลค่า 127,000 บิตคอยน์

รัฐบาลสหรัฐฯ เดินหน้าดำเนินการครั้งใหญ่กับนักธุรกิจชาวกัมพูชา “เฉิน จื้อ” โดยกล่าวหาว่าเป็นผู้นำเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงการลงทุนคริปโตเคอร์เรนซี โดยคำฟ้องถูกยื่นเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ที่ศาลแขวงสหรัฐฯ เขตตะวันออกของนิวยอร์ก ระบุว่า เฉิน จื้อ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “วินเซนต์” ใช้กลุ่มบริษัท Prince Group ของกัมพูชาเป็นเครื่องมือในการดำเนินโครงการลงทุนหลอกลวงในกว่า 30 ประเทศทั่วโลก

เครือข่ายฉ้อโกงคริปโตครั้งใหญ่ถูกเปิดโปง

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ระบุว่า เครือข่ายของเฉิน จื้อ ดำเนินกิจการศูนย์หลอกลวงอย่างน้อย 10 แห่งในกัมพูชา โดยมุ่งเป้าหลอกลวงเหยื่อทั่วโลกด้วยวิธีที่เรียกว่า “Pig Butchering” หรือการหลอกลงทุนระยะยาวในคริปโตปลอม ก่อนจะยึดเงินทั้งหมดของเหยื่อไป เจ้าหน้าที่ประเมินว่า เครือข่ายนี้สร้างความเสียหายรวมกันทั่วโลกหลายพันล้านดอลลาร์

DOJ กำลังดำเนินการยึดบิตคอยน์จำนวน 127,271 เหรียญ คิดเป็นมูลค่าราว 12,000 ล้านดอลลาร์ พร้อมทรัพย์สินหรูอื่น ๆ เช่น เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวและเรือยอชต์ เฉินถูกตั้งข้อหาสมคบคิดฉ้อโกงทางโทรคมนาคม และสมคบคิดฟอกเงิน

นักวิเคราะห์บล็อกเชนเปิดเผยว่า บิตคอยน์จำนวนมหาศาลที่เชื่อมโยงกับคดีนี้ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวมาตั้งแต่ปี 2020 นักวิจัยคริปโต @tier10k รายงานว่า บิตคอยน์เหล่านี้มีต้นตอมาจากเหมือง LuBian ของเฉิน ซึ่งอาจหมายความว่าทรัพย์สินดังกล่าวถูกขโมยไปหลายปีก่อน

DOJ ยืนยันว่าขณะนี้อยู่ในความครอบครองของทางการแล้ว แต่ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับแหล่งที่มาที่แน่ชัด ทำให้เกิดการคาดเดาอย่างกว้างขวางในชุมชนคริปโต

กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เข้มงวดคว่ำบาตรเพิ่มเติม

ในอีกความเคลื่อนไหวหนึ่ง กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรเฉิน จื้อ กลุ่ม Prince Group และบริษัทที่เกี่ยวข้องในประเทศปาเลา โดยระบุว่าองค์กรดังกล่าวมีส่วนได้ส่วนเสียจากการฉ้อโกงทางไซเบอร์ การฟอกเงิน การค้ามนุษย์ และแรงงานบังคับ

มาตรการคว่ำบาตรครอบคลุมถึงหลายบริษัทที่เชื่อมโยงกับเฉิน รวมถึงบุคคลเช่น Rose Wang ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีบทบาทใน “การลงทุนแบบเอาเปรียบ” ที่ปาเลา

รัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า บริษัท Grand Legend ของเฉินได้เช่าเกาะ Ngerbelas ในปาเลาเพื่อพัฒนาเป็นรีสอร์ตหรู แต่แท้จริงแล้วใช้เครือข่ายท้องถิ่นเป็นฉากบังหน้าสำหรับการฟอกเงิน มาตรการคว่ำบาตรจะอายัดทรัพย์สินทั้งหมดของเฉินและเครือข่ายที่อยู่ในเขตอำนาจศาลของสหรัฐฯ รวมถึงห้ามบุคคลและบริษัทสหรัฐฯ ทำธุรกรรมใด ๆ กับกลุ่มนี้ ซึ่งเท่ากับตัดขาดพวกเขาออกจากระบบการเงินของสหรัฐฯ

FinCEN และ OKX ตอบสนองต่อข้อกังวลเรื่องการฟอกเงิน

สำนักงานปราบปรามอาชญากรรมทางการเงิน (FinCEN) ออกรายงานเชื่อมโยงกลุ่ม Huione ซึ่งเป็นอีกบริษัทหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเฉิน จื้อ กับการฟอกเงินกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์ ระหว่างเดือนสิงหาคม 2021 ถึงมกราคม 2025 ซึ่งรวมถึง 37 ล้านดอลลาร์จากการโจมตีทางไซเบอร์ของเกาหลีเหนือ 36 ล้านดอลลาร์จากการหลอกลงทุนคริปโต และอีกกว่า 300 ล้านดอลลาร์จากการฉ้อโกงออนไลน์รูปแบบอื่น

OKX CEO Star 发文表示，Huione（汇旺）集团在加密资产领域造成了严重的不良影响。鉴于其潜在风险，OKX 已针对涉及该集团的交易实施严格的 AML 管控措施。凡是与 Huione 相关的加密资产充值或提现交易，均将接受合规调查。根据调查结果，OKX 可能采取冻结资金或终止账户服务等措施。

— 吴说区块链 (@wublockchain12) October 15, 2025

OKX CEO “Star” ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า แพลตฟอร์มได้บังคับใช้มาตรการป้องกันการฟอกเงิน (AML) อย่างเข้มงวดสำหรับธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม Huione โดยธุรกรรมฝากและถอนคริปโตทั้งหมดที่เชื่อมโยงกับกลุ่มนี้จะต้องผ่านการตรวจสอบด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบ หากพบความผิดปกติ OKX อาจดำเนินการอายัดเงินหรือปิดบัญชีที่เกี่ยวข้อง

นักสืบบล็อกเชนเข้าร่วมตรวจสอบ

นักสืบคริปโตชื่อดัง “ZachXBT” ได้ออกมาแสดงความเห็น โดยระบุว่าที่อยู่กระเป๋าเงินที่เชื่อมโยงกับบิตคอยน์กว่า 127,000 เหรียญ เคยถูกเปิดเผยในรายงานก่อนหน้านี้ของ “Milky Sad” ซึ่งชี้ถึงช่องโหว่ในกุญแจส่วนตัวของกระเป๋าเงินเหล่านั้น ประเด็นนี้จึงก่อให้เกิดคำถามว่าทางการเข้าถึงทรัพย์สินดังกล่าวได้อย่างไร — เป็นการยึดโดยตรง หรือได้รับความร่วมมือจากบุคคลกลาง

คดีของเฉิน จื้อ กลายเป็นหนึ่งในคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับคริปโตครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ด้วยมูลค่าทรัพย์สินดิจิทัลมหาศาลและการเกี่ยวพันของหลายประเทศ คดีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของเครือข่ายอาชญากรรมคริปโตในระดับโลก และแสดงให้เห็นว่าหน่วยงานกำกับดูแลพร้อมจะก้าวไกลเพียงใดเพื่อรื้อถอนเครือข่ายเหล่านี้