สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เดินหน้าก้าวสำคัญสู่การกำกับดูแล DeFi และ Web3 แบบเต็มรูปแบบ

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ปรับโฉมภูมิทัศน์คริปโตครั้งใหญ่ด้วยพระราชกฤษฎีกาฉบับใหม่ที่เปลี่ยนวิธีการกำกับดูแลการเงินดิจิทัลของประเทศ โดยนำทุกแพลตฟอร์มกระจายศูนย์หลักมาอยู่ภายใต้อำนาจของหน่วยงานเดียว ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนว่า UAE ต้องการกฎเกณฑ์ที่เข้มแข็งขึ้นให้ทันกับอัตราการยอมรับคริปโตที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ขณะที่หน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกยังพยายามสร้างกรอบชัดเจน UAE กลับเดินหน้าอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ช่วยเพิ่มความชัดเจนให้กับเศรษฐกิจ Web3 ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในภูมิภาค การกำกับดูแล DeFi ถูกโอนมาอยู่ในความรับผิดชอบของธนาคารกลาง UAE ซึ่งสะท้อนความตั้งใจที่จะวางมาตรฐานเดียวกันทั่วทั้งระบบ ประเด็นด้านการปฏิบัติตามกฎ (crypto compliance) กลายเป็นหัวใจหลักของรัฐบาลในความพยายามสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ใช้งานและสถาบัน นักพัฒนามีความคาดหวังที่ชัดเจนขึ้น แต่ก็เผชิญมาตรฐานที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน

ธนาคารกลาง UAE ได้อำนาจตรงในการกำกับดูแลแพลตฟอร์ม DeFi

พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ให้อำนาจธนาคารกลาง UAE ดูแลทุกแพลตฟอร์มการเงินแบบกระจายศูนย์โดยตรง ครอบคลุมทุกเครื่องมือ DeFi ที่มีบริการซื้อขาย การปล่อยกู้ การสร้างผลตอบแทน หรือการโอนแบบข้ามบล็อกเชน การกำกับดูแล DeFi ถูกยกระดับให้เป็นมาตรฐานอย่างเป็นทางการ ไม่ใช่เพียงแนวทางหลวม ๆ ธนาคารกลางจะเข้ามาบังคับใช้กฎ ตรวจสอบการดำเนินงาน และกำหนดให้มีความโปร่งใสมากขึ้น

การเปลี่ยนแปลงนี้เพิ่มชั้นของการกำกับดูแลคริปโตทั่วทั้งภูมิภาค นักพัฒนาที่เคยพึ่งพาโครงสร้างที่ยืดหยุ่นต้องพิสูจน์ว่าระบบของตนสามารถปกป้องผู้ใช้งานได้ หลายแพลตฟอร์มเคยดำเนินงานแบบ permissionless โดยไม่ต้องมีการกำกับดูแลแบบดั้งเดิม UAE เปลี่ยนรูปแบบดังกล่าวด้วยกรอบ Web3 ที่มีโครงสร้างชัดเจนครอบคลุมธุรกรรม การตรวจสอบ และการรายงาน

DEX และบล็อกเชนบริดจ์เข้าสู่ยุคใหม่ของการกำกับดูแล

พระราชกฤษฎีกานี้วางทุกแพลตฟอร์มซื้อขายแบบกระจายศูนย์ แพลตฟอร์มสภาพคล่อง และบล็อกเชนบริดจ์ไว้ภายใต้การดูแลของธนาคารกลาง บริการเหล่านี้รองรับปริมาณธุรกรรมจำนวนมากและเชื่อมบล็อกเชนต่าง ๆ เข้าด้วยกัน พร้อมเผชิญความเสี่ยงด้านความปลอดภัยหลายรูปแบบ ทั้งการแฮ็ก การโจมตี และข้อบกพร่องของสมาร์ตคอนแทรกต์ UAE ต้องการลดความเสี่ยงเหล่านี้ผ่านการตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎอย่างเข้มงวด

นักพัฒนาที่สร้างระบบ DEX ต้องสอดคล้องกับกรอบ Web3 ใหม่ และต้องแสดงให้เห็นว่าพวกเขาบริหารจัดการสภาพคล่อง รักษาความปลอดภัยของเงินผู้ใช้ และปกป้องกิจกรรมข้ามบล็อกเชนอย่างไร โครงสร้างนี้อาจทำให้ช่วงการทดลองในระยะแรกช้าลง แต่ช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในระยะยาว

ผู้ออก Stablecoin ถูกกำหนดกฎเข้มงวดและมาตรฐานการรายงานสูงขึ้น

Stablecoin กลายเป็นส่วนสำคัญของอุตสาหกรรมคริปโตยุคใหม่ เนื่องจากเป็นตัวกลางของบริการซื้อขาย การปล่อยกู้ การชำระเงิน และการโอนเงินข้ามพรมแดน UAE เป็นหนึ่งในผู้นำที่กำหนดให้ผู้ออก Stablecoin ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดการรายงานที่เข้มงวด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในด้านการออกเหรียญ การสำรอง และสภาพคล่อง ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญเพราะ stablecoin ที่บริหารจัดการไม่ดีอาจสร้างความเสี่ยงเชิงระบบได้

กฎใหม่ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแล DeFi มีเป้าหมายเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่เกิดขึ้นในตลาดอื่น UAE ต้องการป้องกันความล้มเหลวของทุนสำรอง การขาดสภาพคล่อง หรือการล่มสลายแบบฉับพลัน ธนาคารกลางได้รับอำนาจในการเรียกตรวจสอบและขอหลักฐานยืนยันสินทรัพย์ กฎเหล่านี้ทำให้การกำกับดูแล stablecoin สอดคล้องกับแผนงานด้าน compliance ของคริปโตในภาพรวม

สรุป

UAE เดินหน้าก้าวใหญ่สู่ระบบการเงินดิจิทัลแบบมีการกำกับดูแล การกำกับดูแล DeFi กลายเป็นแกนหลักของกลยุทธ์คริปโตของประเทศ ธนาคารกลางเข้ามาดูแลแพลตฟอร์มสำคัญและทำให้พื้นที่ที่เคลื่อนไหวรวดเร็วนี้มีโครงสร้างชัดเจนขึ้น ผู้ใช้มีความปลอดภัยมากขึ้น นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น และนักพัฒนาเข้าใจแนวทางได้ชัดเจนกว่าเดิม

ภูมิภาคนี้พิสูจน์ว่า กฎที่เข้มแข็งไม่ได้ขัดขวางนวัตกรรม แต่ช่วยให้เติบโต UAE ต้องการเป็นผู้นำในโลก Web3 ผ่านมาตรฐานที่สูงและการพัฒนาที่รับผิดชอบ ด้วยพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ อนาคตของการเงินดิจิทัลใน UAE ก้าวเข้าสู่บทใหม่ที่มั่นคงยิ่งขึ้น