บิตคอยน์ทะลุ 106,000 ดอลลาร์ หลังวุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายยุติภาวะชัตดาวน์รัฐบาล

บิตคอยน์กลับมาอยู่ในจุดสนใจอีกครั้ง โดยพุ่งขึ้น 6.7% ทะลุระดับ 106,000 ดอลลาร์ หลังวุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายเพื่อให้รัฐบาลสามารถดำเนินงานต่อไปได้ ส่งผลให้บรรยากาศของตลาดกลับมาสดใสในชั่วข้ามคืน การดีดตัวครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในรอบฟื้นตัวที่แรงที่สุดในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และช่วยให้สินทรัพย์เสี่ยงกลับเข้าสู่ภาวะแนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง

การพุ่งขึ้นของราคาบิตคอยน์เกิดขึ้นพร้อมกับแรงบวกในตลาดการเงิน หลังจากหลายวันแห่งความไม่แน่นอนจากทางตันทางการคลังในกรุงวอชิงตัน นักลงทุนจำนวนมากกังวลว่า หากสถานการณ์ชัตดาวน์ยืดเยื้อออกไป จะกระทบต่อความเชื่อมั่นและสภาพคล่องของตลาด แต่เมื่อสัญญาณข้อตกลงเริ่มชัดเจนในวุฒิสภา บรรยากาศเชิงบวกก็กลับคืนมา โดยมีบิตคอยน์นำการฟื้นตัวครั้งนี้

ความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญนี้ได้จุดประเด็นใหม่เกี่ยวกับบทบาทที่เพิ่มขึ้นของสินทรัพย์ดิจิทัล ในฐานะเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงเชิงมหภาคต่อความไม่มั่นคงทางการคลังของรัฐบาล นักลงทุนยังคาดการณ์ด้วยว่า นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการกลับมาฟื้นตัวอย่างกว้างขวางของตลาดคริปโตในไตรมาสสุดท้ายของปี

🔥 TODAY: $BTC has been trending on social media after surging 6.7% past $106K as Senate passes bill to end government shutdown. pic.twitter.com/r3Dvjn4DdQ

— Cointelegraph (@Cointelegraph) November 11, 2025

ความเชื่อมั่นนักลงทุนฟื้น หลังความกังวลเรื่องชัตดาวน์เริ่มคลี่คลาย

การผ่านร่างกฎหมายงบประมาณรัฐบาลได้สร้างแรงบวกให้กับตลาดสินทรัพย์เสี่ยงอย่างฉับพลัน ทั้งตลาดหุ้น พันธบัตร และคริปโต ต่างมีแรงซื้อเข้ามาอย่างแข็งแกร่งภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังการลงมติของวุฒิสภา ราคาบิตคอยน์ที่พุ่งขึ้น 6.7% ไม่เพียงทำให้ราคาทะลุ 106,000 ดอลลาร์เท่านั้น แต่ยังตอกย้ำสถานะของบิตคอยน์ในฐานะสินทรัพย์ที่ทำผลงานดีที่สุดแห่งสัปดาห์

ในช่วงหลายสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ กดดันความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างมาก นักวิเคราะห์หลายรายเตือนว่า หากภาวะดังกล่าวยืดเยื้อ อาจทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัว และกระตุ้นแรงขายระยะสั้นในสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ตาม การอนุมัติร่างกฎหมายร่วมกันของทั้งสองพรรคในวุฒิสภาได้เปลี่ยนทิศทางตลาดแทบจะในทันที โดยนักเทรดกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลอีกครั้ง

เสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาคหนุนการฟื้นตัวของบิตคอยน์

ในอดีต บิตคอยน์มักทำผลงานได้ดีในช่วงที่ตลาดการเงินเผชิญความไม่แน่นอน และการดีดตัวครั้งล่าสุดก็สะท้อนรูปแบบเดิมนั้นอีกครั้ง เมื่อสถานการณ์การเมืองในสหรัฐฯ เริ่มคลี่คลาย ความเชื่อมั่นของนักลงทุนไหลกลับเข้าสู่สินทรัพย์ทางเลือก การพุ่งขึ้นของราคาบิตคอยน์จึงสะท้อนทั้งความโล่งใจต่อเสถียรภาพทางการคลัง และความสนใจที่กลับมาของการลงทุนแบบกระจายศูนย์

แรงฟื้นตัวของตลาดคริปโตยังขยายไปไกลกว่าบิตคอยน์ โดย Ethereum, Solana และ Avalanche ต่างปรับตัวขึ้นเป็นตัวเลขสองหลัก ส่วนตลาดอัลต์คอยน์โดยรวมมีการปรับขึ้นระหว่าง 4% ถึง 8% นักวิเคราะห์บางรายชี้ว่า เทรดเดอร์จำนวนมากรอจังหวะการฟื้นตัวอยู่แล้ว และการตัดสินใจของวุฒิสภาในครั้งนี้ได้กลายเป็น “จุดเปลี่ยน” ที่พวกเขารอคอย

อีกสัญญาณบวกที่สะท้อนแรงฟื้นตัวของตลาดคือ สภาพคล่องที่ดีขึ้นในแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโต หลังจากที่ซบเซามานานกว่า 12 เดือน ความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจโดยรวมเริ่มกลับมาอีกครั้ง และนักเทรดกลับมาเพิ่มการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล การเห็นแรงซื้อเพิ่มขึ้นเช่นนี้ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแนวโน้มขาขึ้นของบิตคอยน์ในระยะสั้น

ตลาดทั่วโลกตอบรับเชิงบวกต่อการเคลื่อนไหวของวุฒิสภาสหรัฐฯ

ข่าวดีจากสหรัฐฯ แพร่กระจายไปทั่วตลาดโลกอย่างรวดเร็ว การซื้อขายในช่วงเอเชียเปิดตลาดด้วยบรรยากาศแห่งความหวัง โดยดัชนีสำคัญของญี่ปุ่นและเกาหลีปรับขึ้นอยู่ในแดนบวก ส่วนตลาดยุโรปในช่วงเช้าแสดงทิศทางเดียวกัน บรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงกลับมาคึกคักทั้งในหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์

ตามข้อมูลจาก CoinMarketCap ส่วนแบ่งตลาดของบิตคอยน์ในตลาดคริปโตทั่วโลก หรือที่เรียกว่า “Bitcoin dominance” เพิ่มขึ้นเป็น 54% สะท้อนว่าบิตคอยน์ยังคงเป็นผู้นำตลาดที่เคลื่อนไหวตามปัจจัยมหภาคสำคัญ และยังคงเป็นสินทรัพย์ “ตัวแรก” ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและเศรษฐกิจ

บทสรุป

การที่ราคาบิตคอยน์ทะลุระดับ 106,000 ดอลลาร์ แสดงให้เห็นถึงความอ่อนไหวของตลาดต่อเหตุการณ์ทางการเมืองและการคลังของสหรัฐฯ การตัดสินใจอย่างรวดเร็วของวุฒิสภาในการหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์ ได้สร้างความเชื่อมั่นใหม่ให้กับตลาดการเงินโดยรวม และจุดกระแสความสนใจในการลงทุนคริปโตขึ้นอีกครั้ง

ตลาดทั่วโลกเริ่มทรงตัวและบรรยากาศความเชื่อมั่นกำลังฟื้นตัว บิตคอยน์ยังคงทำหน้าที่เป็นตัวชี้วัดสำคัญของความเชื่อมั่นและระดับความเสี่ยงของตลาด ด้วยการเข้ามามีบทบาทมากขึ้นของสถาบันการเงินและสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น แรงฟื้นตัวในตลาดคริปโตครั้งนี้อาจเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น.