ญี่ปุ่นเตรียมลดภาษีคริปโตจาก 55% เหลือ 20%

ญี่ปุ่นมีแผนลดภาษีกำไรจากคริปโตจากสูงสุด 55% เหลืออัตราเหมาจ่าย 20% ภายในปีงบประมาณ 2026 ซึ่งไม่ใช่เพียงการปรับภาษีธรรมดา แต่สะท้อนถึงการเปลี่ยนโครงสร้างในการจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลของประเทศ ปัจจุบัน กำไรจากคริปโตถูกจัดอยู่ในหมวดรายได้เบ็ดเตล็ด ทำให้ผู้มีรายได้สูงถูกเก็บภาษีในอัตราสูงสุด นี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เทรดเดอร์จำนวนมากย้ายออก และมีเพียง 13% ของประชากรที่ถือครองคริปโตในปัจจุบัน การจัดเก็บภาษีคริปโตให้อยู่ในระดับเดียวกับหุ้นจึงถือว่ายุติธรรมและคาดการณ์ได้มากขึ้น

ผู้มีรายได้สูงได้ประโยชน์จากภาษีใหม่

การกำหนดอัตราเหมาจ่าย 20% ช่วยลดความไม่แน่นอนและอาจเพิ่มสภาพคล่อง ผู้มีรายได้สูงจะประหยัดภาษีได้มากถึง 35% เมื่อเทียบกับปัจจุบัน ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่เก็บเงินไว้กับตัว แต่ยังช่วยรักษากิจกรรมการลงทุนภายในญี่ปุ่น การเลือกปีงบประมาณ 2026 เป็นเส้นตายบ่งชี้ว่ารัฐบาลต้องการเวลาในการจัดการรายละเอียด แต่เจตนาก็ชัดเจน: ต้องการสร้างความชัดเจนให้ตลาด ไม่ใช่ความสับสน

กฎการหักขาดทุนทำให้คริปโตเทียบเท่าหุ้น

การเพิ่มกฎการหักขาดทุนถือว่าสำคัญไม่แพ้กัน ที่ผ่านมา นักลงทุนไม่สามารถนำการขาดทุนจากคริปโตมาหักลบได้ ทำให้ไม่กล้าเสี่ยงในตลาดที่มีความผันผวนสูง การอนุญาตให้หักขาดทุนได้ภายในระยะเวลา 3 ปี ทำให้คริปโตถูกจัดให้อยู่ในระดับเดียวกับหุ้น ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในสายตานักลงทุน และเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยและสถาบันวางกลยุทธ์ได้ง่ายขึ้น

นักลงทุนมองภาษีคริปโตใหม่เป็นสัญญาณบวก

นักลงทุนสถาบันมองการปรับภาษีครั้งนี้เป็นสัญญาณไฟเขียว กรณี Metaplanet ที่สะสมบิตคอยน์เกือบ 7,000 BTC แสดงให้เห็นว่าบริษัทจดทะเบียนเริ่มปรับพอร์ตรับสภาพแวดล้อมใหม่ ราคาหุ้นของบริษัทที่พุ่งขึ้นกว่า 1,000% สะท้อนว่าตลาดตอบแทนผู้ที่เข้ามาก่อน หากถึงปีงบประมาณ 2026 เงินสดสำรองของบริษัทญี่ปุ่นมูลค่า 10 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพียงส่วนน้อยไหลเข้าสู่กองทุน Bitcoin ETF ก็อาจแตะ 100,000 ล้านดอลลาร์ได้ ซึ่งจะส่งผลต่อตลาดทั้งในประเทศและทั่วโลก

ภาษีคริปโตทั่วโลกและความได้เปรียบของญี่ปุ่น

ผลสำรวจสะท้อนมุมมองชัดเจน กว่า 80% ของผู้ที่ถือครองคริปโตอยู่แล้ว ระบุว่าจะเพิ่มการลงทุนหากมีกฎใหม่ ขณะที่ 12% ของผู้ที่ยังไม่เคยถือคริปโตระบุว่าจะเข้ามาลงทุน แม้ความเห็นเหล่านี้จะไม่การันตีการกระทำจริง แต่ชี้ว่าความต้องการถูกกดไว้ด้วยโครงสร้างภาษีปัจจุบัน รัฐบาลเองก็รู้เรื่องนี้ และเลือกสร้างความชัดเจนเพื่อเก็บรายได้จากกิจกรรมตลาด มากกว่าการลงโทษ

สิงคโปร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเยอรมนี ต่างเก็บภาษีคริปโตระยะยาวในอัตรา 0% หรือยกเว้นทั้งหมด ญี่ปุ่นที่ 20% อาจไม่ต่ำที่สุด แต่ถือว่ามีความสามารถในการแข่งขัน จุดประสงค์ไม่ใช่แข่งกันกดอัตราภาษี แต่เพื่อสร้างสมดุลระหว่างความเป็นธรรม การคุ้มครองนักลงทุน และการจัดเก็บรายได้ การย้ายคริปโตไปอยู่ภายใต้กฎหมายว่าด้วยเครื่องมือทางการเงินและการซื้อขายหลักทรัพย์ ยังเพิ่มน้ำหนักด้านกฎระเบียบ ป้องกันปัญหาการซื้อขายโดยใช้ข้อมูลภายใน และสร้างมาตรฐานการกำกับที่มั่นคงขึ้น ซึ่งส่งสัญญาณถึงความชอบธรรมต่อนักลงทุนที่ต้องการกติกาชัดเจน

ความชอบธรรมของตลาดภาษีคริปโตญี่ปุ่น

แน่นอนว่ายังมีความท้าทาย การบังคับใช้กฎหมายป้องกันการซื้อขายโดยใช้ข้อมูลภายในสำหรับคริปโตถือเป็นเรื่องใหม่ และนักการเมืองบางส่วนก็กังวลเรื่องรายได้ภาษี แต่หลายฝ่ายเชื่อว่าการปฏิบัติตามกฎที่ดีขึ้นและกิจกรรมตลาดที่เพิ่มขึ้นจะชดเชยกันได้ รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังเดิมพันว่าความชัดเจนและกติกาที่เป็นธรรมจะดึงดูดมากกว่าที่จะเสียไป