ข่าว

ความร่วมมือระหว่าง SWIFT และ Chainlink สัญญาณการเปลี่ยนผ่านสู่ Blockchain ในวงการการเงิน

โดย

Hanan Zuhry

Hanan Zuhry

ความร่วมมือ SWIFT Chainlink มีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุนการชำระเงินทั่วโลกและเพิ่มประสิทธิภาพ โดยแสดงให้เห็นว่าธนาคารต่าง ๆ นำบล็อคเชนมาใช้เพื่อการโอนเงินที่รวดเร็วยิ่งขึ้น

ความร่วมมือระหว่าง SWIFT และ Chainlink สัญญาณการเปลี่ยนผ่านสู่ Blockchain ในวงการการเงิน

สรุปด่วน

สรุปสร้างโดย AI ตรวจสอบโดยห้องข่าว

  • SWIFT ร่วมมือกับ Chainlink เพื่อลดต้นทุนการชำระเงินทั่วโลก

  • ความร่วมมืออาจช่วยเร่งการโอนเงินข้ามพรมแดนได้

  • Oracle ของบล็อคเชนช่วยเชื่อมต่อธนาคารกับเครือข่ายดิจิทัล

  • เน้นย้ำการเปลี่ยนแปลงของการเงินแบบดั้งเดิมสู่การนำบล็อคเชนมาใช้

ยักษ์ใหญ่ด้านการธนาคารระดับโลก SWIFT ประกาศความร่วมมือกับ Chainlink เพื่อทำให้การชำระเงินระหว่างประเทศมีต้นทุนต่ำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น รายงานโดย Coinvo การร่วมมือนี้อาจพลิกโฉมวิธีการเคลื่อนย้ายเงินข้ามพรมแดน โดยผสานการเงินแบบดั้งเดิมเข้ากับเทคโนโลยีบล็อกเชน

ทำไมความร่วมมือนี้จึงสำคัญ

SWIFT เป็นกระดูกสันหลังของการธนาคารระหว่างประเทศ เชื่อมโยงมากกว่า 11,000 สถาบันในกว่า 200 ประเทศ ทุกวันมีเงินหลายล้านล้านดอลลาร์ไหลผ่านเครือข่ายนี้ อย่างไรก็ตาม ระบบนี้มักมีค่าใช้จ่ายสูง ทำงานช้า และพึ่งพากลางหลายฝ่าย

การร่วมมือกับ Chainlink ผู้ให้บริการ oracle blockchain ชั้นนำ SWIFT หวังที่จะลดต้นทุนและเร่งความเร็วในการทำธุรกรรม เทคโนโลยีของ Chainlink เชื่อมต่อบล็อกเชนกับระบบภายนอก ทำให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลและมูลค่าเป็นไปอย่างปลอดภัย ซึ่งจะช่วยให้ SWIFT ปรับปรุงบริการโดยยังคงความเชื่อมั่นเป็นศูนย์กลาง

บทบาทของ Chainlink สำคัญเพราะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างระบบการเงินแบบดั้งเดิมกับเครือข่ายบล็อกเชน Oracle ของ Chainlink ให้ข้อมูลที่เชื่อถือได้ ทำให้ธนาคารและสถาบันการเงินเข้าถึงฟีเจอร์บล็อกเชนโดยไม่ต้องสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่จากศูนย์

สำหรับ SWIFT หมายความว่าสามารถใช้ Chainlink ทดลองวิธีการชำระเงินบนบล็อกเชน ตรวจสอบข้อมูลธุรกรรมได้แม่นยำขึ้น และลดการพึ่งพาระบบส่งข้อความแบบเก่า โดยสรุป Chainlink อาจมอบเครื่องมือที่ SWIFT ต้องการเพื่อแข่งขันในโลกที่การชำระเงินบนบล็อกเชนกำลังเป็นกระแสหลัก

การโอนเงินข้ามพรมแดนที่ถูกและเร็วขึ้น

หนึ่งในปัญหาหลักของระบบชำระเงินปัจจุบันคือค่าธรรมเนียมสูง การโอนเงินระหว่างประเทศมักต้องผ่านหลายธนาคาร แต่ละธนาคารเก็บค่าธรรมเนียมของตัวเอง นอกจากนี้ยังมีความล่าช้า บางธุรกรรมต้องใช้เวลาหลายวันจึงเคลียร์

ด้วย Chainlink ตอนนี้ SWIFT สามารถลดขั้นตอนในกระบวนการลง ซึ่งจะลดต้นทุนและทำให้เงินถึงผู้รับเร็วขึ้น ธุรกิจและบุคคลที่ส่งเงินข้ามพรมแดนจะได้ประโยชน์โดยตรง ทำให้ความร่วมมือนี้น่าสนใจสำหรับการค้าระหว่างประเทศและการโอนเงินกลับประเทศ

ก้าวสู่การยอมรับบล็อกเชน

ความร่วมมือนี้ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ขึ้น สถาบันระดับโลกที่เคยเพิกเฉยหรือปฏิเสธบล็อกเชน กำลังพิจารณาอย่างจริงจัง SWIFT ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของการเงินแบบดั้งเดิม กำลังแสดงให้เห็นว่าต้องการปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่

Chainlink เองก็ได้ประโยชน์จากการรวมกันนี้ การร่วมมือกับหนึ่งในชื่อที่น่าเชื่อถือที่สุดในวงการการเงิน ทำให้ตำแหน่งของ Chainlink ในระบบนิเวศบล็อกเชนแข็งแกร่งขึ้น นอกจากนี้ยังพิสูจน์ได้ว่าเครื่องมือบล็อกเชนสามารถทำงานในระดับที่ธนาคารและรัฐบาลต้องการได้

ความท้าทายด้านกฎระเบียบและความเสี่ยงการนำไปใช้

แม้ว่าข่าวจะดูเป็นบวก แต่ยังมีความท้าทายอยู่ Regulators ต้องกำหนดว่าระบบการชำระเงินบนบล็อกเชนจะเข้ากับกฎหมายเดิมอย่างไร ความปลอดภัยและความโปร่งใสก็สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจาก SWIFT จัดการข้อมูลการเงินที่ละเอียดอ่อน

ยังมีคำถามเรื่องการนำไปใช้ ธนาคารอาจช้าในการปรับตัวกับเครื่องมือใหม่ โดยเฉพาะเมื่อจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงระบบเดิม การทดสอบจริงคือการที่ SWIFT จะสามารถเปิดใช้ฟีเจอร์เหล่านี้ได้เร็วเพียงใด และลูกค้าจะเห็นผลประโยชน์ชัดเจนหรือไม่

จุดเปลี่ยนสำหรับการชำระเงินระดับโลก

ความร่วมมือระหว่าง SWIFT และ Chainlink ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาการชำระเงิน หากประสบความสำเร็จ อาจเปลี่ยนการเงินข้ามพรมแดน ทำให้การโอนเงินเร็วขึ้น ถูกลง และน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น

ตอนนี้ ความร่วมมือนี้เน้นบทบาทที่เติบโตของบล็อกเชนในเศรษฐกิจโลก แสดงให้เห็นว่าผู้เล่นดั้งเดิมที่ใหญ่ที่สุดก็พร้อมทดลองนวัตกรรมใหม่เมื่อผลประโยชน์ชัดเจน

Google News Icon

ติดตามเราบน Google News

รับข้อมูลเชิงลึกและการอัปเดตคริปโตล่าสุด

ติดตาม