คดี Ripple กับ SEC สิ้นสุดอย่างเป็นทางการ หลังทั้งสองฝ่ายยื่นคำร้องร่วมเพื่อยุติการอุทธรณ์

การต่อสู้ทางกฎหมายที่ยืดเยื้อมานานระหว่าง Ripple Labs และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการแล้ว หลังดำเนินการในชั้นศาลเกือบ 5 ปี ทั้งสองฝ่ายได้ยื่นคำร้องร่วมเพื่อถอนการอุทธรณ์ของตนเอง ถือเป็นการปิดฉากหนึ่งในคดีที่ทั่ววงการคริปโต้จับตามองมากที่สุดในประวัติศาสตร์

ศาลปิดคดีอย่างเป็นทางการหลังยื่นคำร้องร่วม

ตามเอกสารทางการของศาล ระบุว่า Ripple Labs รวมถึงผู้บริหาร Brad Garlinghouse และ Chris Larsen ได้ตกลงร่วมกับ SEC เพื่อยุติการอุทธรณ์ที่ค้างอยู่ทั้งหมด คำร้องนี้ถูกยื่นต่อศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ เขตที่สอง โดยยืนยันว่าทั้งสองฝ่ายจะรับผิดชอบค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายทางกฎหมายของตนเอง

เอกสารซึ่งมีชื่อว่า “Joint Stipulation of Dismissal” ได้ลงนามโดยทนายความที่เป็นตัวแทนของทั้ง Ripple และ SEC

การยื่นคำร้องดังกล่าวถือเป็นการยุติทุกกระบวนการอุทธรณ์ที่เกี่ยวข้องกับคดีต้นฉบับในปี 2020 ซึ่งกล่าวหาว่า Ripple ได้ขายโทเคน XRP โดยไม่ได้ลงทะเบียนเป็นหลักทรัพย์อย่างถูกต้อง ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญในวงการคริปโต้ เนื่องจากคดีนี้มีอิทธิพลต่อการถกเถียงเรื่องการจัดประเภทสินทรัพย์ดิจิทัลมาเป็นเวลาหลายปี

Ripple และ SEC เห็นพ้องที่จะเดินหน้าต่อ

การยุติคดีครั้งนี้เป็นสัญญาณชัดเจนว่า ทั้ง Ripple และ SEC พร้อมที่จะก้าวต่อไป สำหรับฝั่ง SEC การตัดสินใจนี้อาจสะท้อนถึงกลยุทธ์ในการมุ่งเน้นไปที่การบังคับใช้กฎหมายกับบริษัทคริปโตรายอื่น ๆ ที่ยังดำเนินอยู่ ส่วน Ripple นับเป็นชัยชนะที่รอคอยมานาน และเป็นโอกาสที่จะได้กลับมามุ่งเน้นการเติบโตและนวัตกรรมอย่างเต็มที่

แม้การต่อสู้ทางกฎหมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและราคาของ XRP แต่การปิดคดีครั้งนี้อาจช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนและพันธมิตรทางธุรกิจได้ ผู้บริหารของ Ripple เคยแสดงความไม่พอใจกับการดำเนินคดีที่ยืดเยื้อ แต่ยืนยันเสมอว่าบริษัทดำเนินงานอย่างโปร่งใสและเป็นไปตามกฎหมาย

Ripple ระดมทุน 500 ล้านดอลลาร์ พร้อมขยายธุรกิจ

พร้อมกับการปิดคดี Ripple ได้เข้าสู่ช่วงใหม่ของการขยายธุรกิจ บริษัทเพิ่งระดมทุนได้ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มูลค่าบริษัท 40,000 ล้านดอลลาร์ โดยมีนักลงทุนรายใหญ่ร่วมสนับสนุน เช่น Fortress Investment Group, Citadel Securities, Pantera Capital และ Galaxy Digital

Ripple ยังได้จับมือกับ Mastercard, Gemini และ WebBank เพื่อทดสอบระบบชำระเงินด้วยบัตรเครดิต โดยใช้สเตเบิลคอยน์ RLUSD บนเครือข่าย XRP Ledger (XRPL) เป้าหมายคือเพิ่มความเร็วและลดต้นทุนในการชำระเงินระหว่างระบบการเงินดั้งเดิมกับโลกคริปโต้

ความร่วมมือนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Ripple ในการเชื่อมโยงเทคโนโลยีคริปโต้เข้ากับการเงินจริง หลังจากการประกาศโครงการดังกล่าว เครือข่าย XRP Ledger มีกิจกรรมเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยมีการสร้างกระเป๋าใหม่มากกว่า 21,000 ใบภายในเวลาเพียง 48 ชั่วโมง

บทใหม่ของ XRP และ Ripple

เมื่อเมฆหมอกทางกฎหมายสลายไป Ripple ดูพร้อมที่จะกลับมายืนยันสถานะผู้นำในด้านการชำระเงินบนบล็อกเชน การสิ้นสุดคดีกับ SEC ไม่เพียงให้ความชัดเจนทางกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเสริมความน่าเชื่อถือในระดับโลกของ Ripple ในช่วงเวลาที่สถาบันการเงินทั่วโลกเริ่มหันมาสำรวจการผสานเทคโนโลยีคริปโต้มากขึ้น

สำหรับผู้ถือ XRP นี่คือช่วงเวลาของการปิดฉากความไม่แน่นอนและกลับมามีความหวังใหม่ อนาคตของโทเคนจะขึ้นอยู่กับนวัตกรรมและการใช้งานจริง แทนที่จะเป็นการต่อสู้ในศาล

หลังจากหลายปีแห่งความไม่แน่นอน Ripple สามารถหันกลับมาสร้างสรรค์และเติบโตได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องเผชิญเงาของคดีความอีกต่อไป ถือเป็นการเริ่มต้นยุคใหม่ของบริษัทอย่างแท้จริง.