ข่าว

ข้อตกลง SAB–Chainlink นำบล็อกเชนสู่ระบบธนาคารซาอุฯ

โดย

Hanan Zuhry

Hanan Zuhry

ข้อตกลง SAB Chainlink นำบล็อคเชนมาสู่ระบบธนาคารของซาอุดิอาระเบีย สร้างบริการทางการเงินที่ปลอดภัย รวดเร็ว และปรับเปลี่ยนได้มากขึ้น

ข้อตกลง SAB–Chainlink นำบล็อกเชนสู่ระบบธนาคารซาอุฯ

สรุปด่วน

สรุปสร้างโดย AI ตรวจสอบโดยห้องข่าว

  • SAB ร่วมมือกับ Chainlink เพื่อนำโซลูชันบล็อคเชนมาใช้

  • CCIP และ CRE จะทำให้แอปพลิเคชั่นทางการเงินมีความปลอดภัยและปรับเปลี่ยนได้

  • ความร่วมมือสนับสนุนวิสัยทัศน์ของซาอุดีอาระเบียสำหรับการเติบโตทางดิจิทัลในระบบธนาคาร

  • โครงการนำร่องอาจรวมถึงสินทรัพย์โทเค็น การชำระเงินข้ามพรมแดน และสัญญาอัจฉริยะ

Saudi Awwal Bank (SAB) ประกาศความร่วมมือครั้งใหม่กับ Chainlink เพื่อนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในระบบการเงินของซาอุดีอาระเบียมากขึ้น ตามรายงานของ Cointelegraph ความร่วมมือนี้จะใช้เครื่องมือของ Chainlink เช่น Cross-Chain Interoperability Protocol (CCIP) และ Chainlink Runtime Environment (CRE) เพื่อสร้างแอปพลิเคชันทางการเงินที่ทันสมัย ปลอดภัย และยืดหยุ่น ข้อตกลง SAB–Chainlink ไม่ได้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่ยังสะท้อนให้เห็นว่าธนาคารในซาอุกำลังเตรียมพร้อมสำหรับระบบการเงินที่เปิดกว้างและรวดเร็วยิ่งขึ้น

ความหมายของความร่วมมือ

ตามข้อตกลงนี้ SAB จะเริ่มนำเทคโนโลยีสำคัญ 2 รายการมาใช้ ได้แก่:

CCIP (Cross-Chain Interoperability Protocol): ช่วยให้เงินและข้อมูลเคลื่อนย้ายได้อย่างปลอดภัยระหว่างบล็อกเชนต่าง ๆ ทำหน้าที่เชื่อมระบบที่แตกต่างกันให้สามารถทำงานร่วมกันได้

CRE (Chainlink Runtime Environment): ช่วยให้นักพัฒนาสร้างและรันแอปพลิเคชันในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย เพิ่มความมั่นคง และทำให้การเชื่อมต่อกับทั้งธนาคารดั้งเดิมและระบบบล็อกเชนเป็นไปอย่างราบรื่น

ทำไมเรื่องนี้จึงสำคัญต่อซาอุดีอาระเบีย

ความเคลื่อนไหวนี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของซาอุดีอาระเบียด้านการเติบโตทางดิจิทัล รัฐบาลได้สนับสนุนให้ธนาคารและภาคธุรกิจนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้เพื่อยกระดับการให้บริการ

ด้วยการทำงานร่วมกับ Chainlink, SAB แสดงให้เห็นว่าบล็อกเชนสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการเงินกระแสหลัก ไม่ใช่แค่ในวงการนักเทรดคริปโต ซึ่งอาจช่วยให้:

  • การชำระเงินรวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น
  • สนับสนุนผลิตภัณฑ์การเงินดิจิทัลใหม่ ๆ
  • เพิ่มความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในบริการทางการเงิน

อีกทั้ง Chainlink ยังเน้นด้านความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ ทำให้เครื่องมือของบริษัทสามารถสอดคล้องกับมาตรฐานสูงของธนาคารซาอุฯ ได้เป็นอย่างดี

โอกาสที่รออยู่ข้างหน้า

การเคลื่อนไหวนี้เปิดประตูสู่อนาคตหลายด้าน เช่น:

  • การโทเคนไนซ์สินทรัพย์: ธนาคารสามารถสร้างเวอร์ชันดิจิทัลของพันธบัตร หุ้น หรือแม้แต่อสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้ง่ายต่อการซื้อขาย
  • การชำระเงินข้ามพรมแดน: การโอนเงินไปต่างประเทศอาจเร็วขึ้นและต้นทุนถูกลงด้วยโครงสร้างบล็อกเชน
  • สมาร์ตคอนแทรกต์สำหรับการเงิน: บริการสินเชื่อ ประกันภัย และบริการอื่น ๆ สามารถทำงานผ่านสัญญาอัตโนมัติ ลดขั้นตอนเอกสารและความล่าช้า

ก้าวสู่อนาคต

ในระยะสั้น SAB มีแนวโน้มที่จะเริ่มจากโครงการขนาดเล็ก เพื่อลองทดสอบการทำงานของบล็อกเชนในสถานการณ์จริง หากประสบความสำเร็จ ธนาคารจะสามารถขยายไปสู่โครงการและผลิตภัณฑ์ที่ใหญ่ขึ้นได้

นอกจากนี้ SAB อาจร่วมมือกับสตาร์ทอัพท้องถิ่น หน่วยงานกำกับดูแล และบริษัทเทคโนโลยี เพื่อสร้างระบบนิเวศการเงินดิจิทัลที่แข็งแกร่งขึ้นในซาอุฯ ความร่วมมือในลักษณะนี้มักเป็นตัวแปรสำคัญที่กำหนดความเร็วในการแพร่หลายของเทคโนโลยีใหม่

บทสรุป

ความร่วมมือระหว่าง Saudi Awwal Bank และ Chainlink ถือเป็นสัญญาณชัดเจนว่าซาอุดีอาระเบียให้ความสำคัญกับการเงินยุคใหม่ การใช้ CCIP และ CRE จะทำให้ SAB สามารถทดสอบแนวคิดใหม่ ๆ ได้อย่างปลอดภัยและเป็นไปตามกฎเกณฑ์

สำหรับลูกค้า นี่อาจหมายถึงการชำระเงินที่เร็วขึ้น การเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ง่ายขึ้น และความเชื่อมั่นที่มากขึ้นต่อบริการดิจิทัล สำหรับประเทศ ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งสู่อนาคตที่บล็อกเชนมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจ

หากข้อตกลง SAB–Chainlink ดำเนินไปตามแผน SAB อาจกลายเป็นต้นแบบให้กับธนาคารอื่น ๆ ในภูมิภาค แสดงให้เห็นว่าการเงินดั้งเดิมและบล็อกเชนสามารถทำงานร่วมกันเพื่อสร้างบริการทางการเงินรูปแบบใหม่ได้อย่างลงตัว.

Google News Icon

ติดตามเราบน Google News

รับข้อมูลเชิงลึกและการอัปเดตคริปโตล่าสุด

ติดตาม