ขาดทุน 1,3 ล้านดอลลาร์ของเทรดเดอร์ Bitcoin สะท้อนความเสี่ยงของการเทรดแบบมีเลเวอเรจ
การขาดทุนของผู้ซื้อขาย Bitcoin มูลค่า 1.3 ล้านเหรียญแสดงให้เห็นว่าการใช้เลเวอเรจมีความเสี่ยงเพียงใด ในขณะที่เขายังคงถือ SETH ไว้ 40,000 ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของ Ethereum

สรุปด่วน
สรุปสร้างโดย AI ตรวจสอบโดยห้องข่าว
เทรดเดอร์ที่ทำนายการล่มสลายในวันที่ 10 ตุลาคม ได้ปิดสถานะซื้อ Bitcoin ทั้งหมด ส่งผลให้ขาดทุน 1.3 ล้านดอลลาร์
เขายังคงถือ SETH จำนวน 40,000 ด้วยเลเวอเรจ 5 เท่า
การสูญเสียดังกล่าวเน้นย้ำถึงความเสี่ยงของการซื้อขายโดยใช้เลเวอเรจในตลาดคริปโตที่มีความผันผวน
การกระจายความเสี่ยงและการจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบยังคงเป็นกลยุทธ์หลักสำหรับผู้ซื้อขาย
เทรดเดอร์คริปโตชื่อดังที่เคยทำนายการร่วงของตลาดเมื่อวันที่ 10 ตุลาคมได้อย่างแม่นยำ ล่าสุดได้ปิดสถานะลอง Bitcoin ทั้งหมดของเขา พร้อมรับขาดทุนกว่า 1,3 ล้านดอลลาร์ ตามรายงานของ Coin Bureau อย่างไรก็ตาม เขายังคงถือสถานะใหญ่ใน Ethereum โดยถือ 40.000 SETH ด้วยอัตราทด 5 เท่า แสดงให้เห็นว่าเขายังเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดคริปโต
🚨BREAKING: Trader who called the Oct10 market crash just closed all his #BTC longs with a $1.3M loss.
— Coin Bureau (@coinbureau) November 8, 2025
He still holds a long position on 40,000 $ETH at 5x leverage. pic.twitter.com/RXvM3vX1re
การขาดทุนของ Bitcoin สะท้อนความเสี่ยงของเลเวอเรจ
การขาดทุนจากการเทรด Bitcoin ของเทรดเดอร์รายนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงของการเทรดแบบมีเลเวอเรจ แม้แต่สำหรับนักลงทุนที่มีประสบการณ์สูง เลเวอเรจอาจช่วยเพิ่มผลกำไรได้ แต่ก็สามารถขยายผลขาดทุนได้เช่นกัน การขาดทุน 1,3 ล้านดอลลาร์ในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าตลาดสามารถเคลื่อนไหวสวนทางได้อย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งกับผู้ที่เคยทำนายแนวโน้มราคาได้ถูกต้องในอดีต
ตลาดคริปโตขึ้นชื่อเรื่องความผันผวนสูง กลยุทธ์ที่ใช้ได้ผลครั้งหนึ่งอาจใช้ไม่ได้อีกครั้ง เหตุการณ์นี้จึงเป็นเครื่องเตือนใจว่า “จังหวะ” และ “การบริหารความเสี่ยง” เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเทรดสินทรัพย์ดิจิทัล
เหตุผลที่เขายังคงถือ Ethereum
แม้จะปิดสถานะ Bitcoin ทั้งหมด แต่เทรดเดอร์รายนี้ยังคงถือครอง Ethereum จำนวนมาก โดยถือ 40.000 SETH ที่เลเวอเรจ 5 เท่า ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนว่าเขายังเชื่อมั่นในศักยภาพระยะยาวของ Ethereum
Ethereum ยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจากการอัปเกรดเครือข่ายและการใช้งานที่เพิ่มขึ้นในด้านการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) และแอปพลิเคชันอื่น ๆ นักวิเคราะห์มองว่าเทรดเดอร์รายนี้เห็นโอกาสการเติบโตของ Ethereum มากกว่า Bitcoin ในช่วงเวลานี้ แม้การถือครองด้วยเลเวอเรจสูงจะมีความเสี่ยง แต่ก็สะท้อนความเชื่อว่าผลตอบแทนอาจคุ้มค่ากับความผันผวนในระยะสั้น
บทเรียนสำหรับนักลงทุนทั่วไป
สถานการณ์นี้เป็นบทเรียนที่ชัดเจนสำหรับนักลงทุนรายย่อย แม้แต่เทรดเดอร์ที่มีผลงานโดดเด่นก็ยังสามารถขาดทุนได้มาก การเทรดด้วยเลเวอเรจเพิ่มระดับความเสี่ยงและควรใช้ด้วยความระมัดระวัง ผู้เชี่ยวชาญมักแนะนำให้เปิดสถานะขนาดเล็กลง และใช้คำสั่งตัดขาดทุน (stop-loss) เพื่อป้องกันความเสียหายจากความผันผวนของตลาด
แนวทางของเทรดเดอร์รายนี้ยังสะท้อนถึงความสำคัญของการกระจายการลงทุน (diversification) การถือสินทรัพย์ดิจิทัลหลายประเภทสามารถช่วยชดเชยความขาดทุนในบางสินทรัพย์ด้วยกำไรจากอีกสินทรัพย์หนึ่ง ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักในการบริหารความเสี่ยงของตลาดคริปโต
ความหมายต่อทิศทางของตลาด
นับตั้งแต่เหตุการณ์ตลาดร่วงเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ตลาดคริปโตยังคงผันผวนต่อเนื่อง ทั้ง Bitcoin และ Ethereum ต่างก็มีการเคลื่อนไหวที่รุนแรง ทำให้นักลงทุนบางส่วนระมัดระวังมากขึ้น ขณะที่บางส่วนมองว่าเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ
การที่เทรดเดอร์รายนี้ยังถือครอง Ethereum ต่อไปสะท้อนแนวโน้มของนักลงทุนจำนวนมากที่เริ่มมองหาการเติบโตนอกเหนือจาก Bitcoin นักวิเคราะห์ระบุว่า แม้การถือครองด้วยเลเวอเรจจะมีความเสี่ยงสูง แต่ก็มักบ่งบอกถึงความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าต่อสินทรัพย์นั้น ๆ
สรุปประเด็นสำคัญสำหรับเทรดเดอร์
เรื่องนี้เป็นภาพสะท้อนทั้งด้านบวกและลบของการเทรดในตลาดคริปโตที่ผันผวน การคาดการณ์ทิศทางราคาไม่ได้หมายความว่าจะทำกำไรได้เสมอ โดยเฉพาะเมื่อใช้เลเวอเรจ ขาดทุน 1,3 ล้านดอลลาร์ใน Bitcoin พร้อมกับการถือสถานะใหญ่ใน Ethereum แสดงให้เห็นทั้งความเสี่ยงและกลยุทธ์ที่เทรดเดอร์ใช้เพื่อรับมือกับตลาดที่ไม่แน่นอนเช่นนี้
ติดตามเราบน Google News
รับข้อมูลเชิงลึกและการอัปเดตคริปโตล่าสุด
โพสต์ที่เกี่ยวข้อง

CZ เปิดใจครั้งแรกหลังได้รับการอภัยโทษจากทรัมป์ ปฏิเสธมีข้อตกลงธุรกิจกับครอบครัวทรัมป์บน FOX News
Triparna Baishnab
Author

คำเตือนของ Jim Cramer จุดกระแสถกเถียงใหม่ในตลาดคริปโต
Vandit Grover
Author

ดัชนีความกลัวและความโลภคริปโตแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน ขณะที่ความกลัวสุดขั้วครอบงำนักลงทุน
Vandit Grover
Author