การสะสม Ethereum ของสถาบันเร่งตัว หลัง Bitmine ของ Tom Lee เพิ่มการถือครอง ETH มูลค่า 201 ล้านดอลลาร์

ตามรายงานของ Cointelegraph ระบุว่า Bitmine Immersion ซึ่งนำโดย Tom Lee ประธาน Fundstrat ได้โอน 67,886 ETH มูลค่าประมาณ 201 ล้านดอลลาร์ เข้าสู่คลังสำรองของบริษัทเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2025 การเข้าซื้อครั้งใหม่นี้ช่วยตอกย้ำกลยุทธ์ของ Bitmine ที่เลือกซื้อ Ethereum ในช่วงที่ราคาเคลื่อนไหวในกรอบสะสม มากกว่าการไล่ซื้อในช่วงแนวโน้มขาขึ้น

หลังการเข้าซื้อดังกล่าว ปริมาณ ETH ที่ Bitmine ถือครองทั้งหมดเพิ่มขึ้นเกิน 4 ล้าน ETH คิดเป็นราว 3.37% ของอุปทานหมุนเวียนของ Ethereum ตามการเปิดเผยของบริษัท Bitmine มีเป้าหมายระยะยาวในการครอบครอง ETH สูงสุดถึง 5% ของอุปทานทั้งหมด ซึ่งจะทำให้บริษัทก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้ถือครอง ETH รายใหญ่ที่สุดในกลุ่มสถาบัน

ความเชื่อมั่นของสถาบันยังอยู่ในระดับสูง

การเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนสถาบันต่อ Ethereum ในฐานะแพลตฟอร์มหลักของการเงินแบบกระจายศูนย์ การทำโทเคน และการชำระธุรกรรมบนบล็อกเชน ฐานเงินทุนที่เน้นคริปโตมูลค่า 13.2 พันล้านดอลลาร์ที่ Bitmine รายงาน ช่วยให้บริษัทมีศักยภาพในการเพิ่มขนาดการลงทุนได้ในช่วงที่ตลาดชะลอตัว ซึ่งเป็นช่วงที่นักลงทุนรายย่อยมักลังเลที่จะเข้าลงทุน

Bitmine เลือกเข้าซื้อในช่วงที่ราคา ETH อ่อนตัวในระยะหลัง สะท้อนว่านี่เป็นการลงทุนที่ขับเคลื่อนด้วยความเชื่อมั่น มากกว่าการเก็งกำไรระยะสั้น จากประสบการณ์ในอดีต การสะสมในลักษณะคลังสำรองโดยสถาบันขนาดใหญ่มักตามมาด้วยช่วงที่อุปทานหมุนเวียนลดลง ซึ่งอาจหนุนราคาเมื่อความต้องการเพิ่มขึ้น

ปฏิกิริยาที่หลากหลายของชุมชนสะท้อนจิตวิทยาตลาด

เสียงตอบรับจากตลาดยังคงแตกออกเป็นสองฝั่ง ผู้สนับสนุนแนวคิดการสะสมอ้างถึงเป้าหมายราคา Ethereum ระยะยาวที่ Tom Lee เคยประเมินไว้ ซึ่งบางกรณีมองเห็นอัพไซด์สูงมาก เป็นหลักฐานยืนยันแนวคิดดังกล่าว ขณะที่ฝ่ายวิจารณ์ชี้ไปที่ข้อมูลที่ขัดแย้งกัน เช่น การคาดการณ์ระยะสั้นที่ระมัดระวังซึ่งส่งให้กับผู้สมัครสมาชิก สะท้อนถึงอารมณ์และความผันผวนที่ยังคงเป็นลักษณะเด่นของตลาดคริปโต

ท่ามกลางภาวะอุปทานสภาพคล่องที่ตึงตัว ETH หลายล้านเหรียญถูกล็อกไว้ในคลังสำรองระยะยาวแล้ว หากการสะสมของสถาบันยังดำเนินต่อไป และการมีส่วนร่วมในระบบสเตกกิ้งขยายตัว Ethereum อาจเผชิญภาวะอุปทานตึงตัวเชิงโครงสร้าง ทำให้ราคาอ่อนไหวมากขึ้นต่อปัจจัยกระตุ้นด้านอุปสงค์ในรอบถัดไป