การคาดการณ์คริปโตของซิตี้: ตลาดการเงินโลกอาจมีสัดส่วนคริปโต 10% ภายในปี 2030

โดย

Hanan Zuhry

Hanan Zuhry

การคาดการณ์ของ Citi เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลแสดงให้เห็นว่าเงินดิจิทัลจะสามารถรองรับตลาดโลกได้ 10% ภายในปี 2030 ทำให้สกุลเงินดิจิทัลกลายเป็นส่วนสำคัญในทางปฏิบัติของการเงินในชีวิตประจำวัน

การคาดการณ์คริปโตของซิตี้: ตลาดการเงินโลกอาจมีสัดส่วนคริปโต 10% ภายในปี 2030

สรุปด่วน

สรุปสร้างโดย AI ตรวจสอบโดยห้องข่าว

  • Citigroup คาดการณ์ว่าสกุลเงินดิจิทัลอาจครองส่วนแบ่งตลาดการเงินโลก 10% ภายในปี 2030

  • Stablecoins และสินทรัพย์โทเค็นทำให้ธุรกรรมรวดเร็วและง่ายขึ้น

  • การนำไปใช้จะแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค โดยสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำ ตามมาด้วยยุโรปและเอเชียแปซิฟิก

  • เงินดิจิทัลเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น ส่งผลต่อธุรกิจ นักลงทุน และคนทั่วไป

คริปโตเคอร์เรนซีไม่ได้เป็นแค่เรื่องของคนสายเทคโนโลยีหรือผู้ที่หวังรวยเร็วอีกต่อไปแล้ว ซิตี้กรุ๊ป (Citigroup) หนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ระบุว่า ภายในปี 2030 คริปโตอาจมีสัดส่วนราว 10% ของตลาดการเงินโลก ตามรายงานของ Crypto Rover นี่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และเป็นสัญญาณชัดเจนว่า เงินดิจิทัลกำลังค่อย ๆ เข้ามามีบทบาทในระบบการเงินโลก

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา คริปโตถูกมองว่าเป็นการลงทุนที่เสี่ยงและคาดเดาไม่ได้ หลายคนเชื่อว่าไม่ต่างจากการพนัน แต่ปัจจุบัน ธนาคารและบริษัทต่าง ๆ เริ่มมองเห็นประโยชน์ที่จับต้องได้ เครื่องมืออย่างสเตเบิลคอยน์และหุ้นโทเคนไลซ์ กำลังทำให้การทำธุรกรรมรวดเร็วและง่ายขึ้น ซิตี้คาดการณ์ว่า ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า การซื้อขายราว 1 ใน 10 ครั้งอาจเกิดขึ้นผ่านสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้

คริปโตเริ่มมีประโยชน์จริง

สเตเบิลคอยน์ช่วยให้คริปโตเคลื่อนเข้าสู่กระแสหลักได้ง่ายขึ้น มันทำงานเหมือนเงินทั่วไปแต่โอนออนไลน์ได้ทันที บริษัทสามารถส่งเงินได้รวดเร็วโดยไม่ต้องรอการโอนผ่านธนาคารหลายวัน ขณะที่โทเคนไลซ์หลักทรัพย์ก็ทำสิ่งเดียวกันกับการลงทุน โดยเปลี่ยนหุ้นและพันธบัตรให้อยู่ในรูปดิจิทัลที่ซื้อขายได้เร็วขึ้น

ไม่เพียงแค่ประหยัดเวลา แต่ยังช่วยลดข้อผิดพลาดและต้นทุน ธนาคารและธุรกิจสามารถลดค่าใช้จ่ายและทำงานได้มีประสิทธิภาพขึ้น คริปโตจึงเริ่มถูกมองว่าเป็น “เครื่องมือที่ใช้งานได้จริง” ไม่ใช่แค่การเดิมพันที่เสี่ยง

ทำไมถึงเกิดขึ้นในตอนนี้

มีหลายปัจจัยที่ทำให้คริปโตเริ่มเข้ามามีบทบาท เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างมาก บล็อกเชนมีความเร็วและปลอดภัยกว่าที่ผ่านมา อีกทั้งบริษัทต่าง ๆ เริ่มเห็นข้อดีของการจ่ายเงินแบบทันที

ในเวลาเดียวกัน กฎระเบียบก็เริ่มชัดเจนขึ้น รัฐบาลหลายประเทศกำลังออกข้อกำหนดสำหรับสเตเบิลคอยน์และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจให้ธนาคารและภาคธุรกิจสามารถใช้คริปโตได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องกฎหมาย

ความเร็วที่ต่างกันในแต่ละภูมิภาค

ไม่ใช่ว่าทุกประเทศจะนำคริปโตมาใช้ในจังหวะเดียวกัน สหรัฐฯ อาจเห็นสินทรัพย์ดิจิทัลมีสัดส่วนสูงถึง 14% ของธุรกรรมตลาดภายในปี 2030 ขณะที่ยุโรปอาจอยู่ที่ราว 10% และเอเชีย-แปซิฟิกประมาณ 9%

ความแตกต่างนี้ขึ้นอยู่กับกฎหมายในแต่ละประเทศ ระดับความพร้อมของบริษัท และความเปิดกว้างของธนาคารในการเปลี่ยนแปลง บางภูมิภาคอาจเคลื่อนไหวเร็วกว่า ขณะที่บางแห่งอาจช้ากว่า

ความหมายต่อผู้คนทั่วไป

เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ตัวเลขในรายงาน แต่ส่งผลต่อชีวิตจริงของผู้คน การทำธุรกรรมที่เร็วขึ้นทำให้บริษัทได้รับเงินเร็วขึ้น และช่วยให้ดำเนินงานได้ดีขึ้น นักลงทุนอาจเสียค่าธรรมเนียมน้อยลงและมองเห็นความโปร่งใสในการซื้อขายมากขึ้น แม้แต่ลูกค้าทั่วไปก็อาจสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ เช่น การโอนเงินที่รวดเร็วขึ้น หรือบริการธนาคารที่ราบรื่นขึ้น

มองไปข้างหน้า

ภายในปี 2030 คริปโตอาจไม่ถูกมองว่าเป็นการเสี่ยงโชคอีกต่อไป แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบการเงินโลกที่ปกติขึ้น ธนาคาร บริษัท และนักลงทุนจะต้องปรับตัวกับความจริงใหม่นี้

แม้ปัญหาจะยังคงมีอยู่ เช่น ความผันผวนของตลาดคริปโตและกฎเกณฑ์ที่ยังต้องพัฒนา แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ เงินดิจิทัลกำลังกลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้และมีประโยชน์มากขึ้น

ทศวรรษข้างหน้ามีศักยภาพที่จะเปลี่ยนวิธีที่ผู้คนซื้อขาย ลงทุน และจัดการเงิน สิ่งที่เคยเป็นเพียงแนวคิดเฉพาะกลุ่ม กำลังกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถใช้งานได้ ตั้งแต่การชำระเงินรวดเร็วไปจนถึงการลงทุนดิจิทัล คริปโตกำลังเคลื่อนจากขอบสนามเข้าสู่ศูนย์กลางของระบบการเงิน

Google News Icon

ติดตามเราบน Google News

รับข้อมูลเชิงลึกและการอัปเดตคริปโตล่าสุด

ติดตาม