แรงสั่นสะเทือนมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ถล่มตลาดคริปโต ขณะที่บรรยากาศตลาดเริ่มหวาดกลัว
มาดูกันว่าเหตุใดการล่มสลายของตลาดคริปโตจึงทำให้มูลค่าลดลง 1 ล้านล้านดอลลาร์นับตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม และดูว่าการลดลงนี้ส่งผลต่อนักลงทุนอย่างไร

การร่วงหนักของมูลค่าตลาดคริปโตทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม สร้างความกังวลลึกไปทั่วตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล เทรดเดอร์เห็นพอร์ตหดตัวลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่ตลาดลบมูลค่ามหาศาลในเวลาไม่นาน นักลงทุนจำนวนมากเริ่มทบทวนการถือครอง เพราะความผันผวนเพิ่มขึ้นทุกวัน และความไม่แน่นอนเป็นตัวกำหนดทุกความเคลื่อนไหวของตลาด
ขนาดของการร่วงครั้งนี้สร้างความประหลาดใจแม้แต่ผู้ติดตามตลาดมากประสบการณ์ การลดลงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อย และสะท้อนพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป นักลงทุนติดตามข้อมูลใหม่ด้วยความระมัดระวังมากขึ้น เพื่อทำความเข้าใจว่าทำไมการปรับตัวลงของตลาดคริปโตจึงเร่งตัวอย่างรวดเร็ว พวกเขาประเมินความเสี่ยงแบบเรียลไทม์เพราะสภาวะเศรษฐกิจโลกยังดูไม่มั่นคง
บรรยากาศของนักลงทุนคริปโตเปลี่ยนอย่างรุนแรงในช่วงการปรับฐานที่ลึกเช่นนี้ อุตสาหกรรมแสดงสัญญาณอ่อนแรงชัดเจนเมื่อสภาพคล่องบางลง และเทรดเดอร์ทยอยออกจากสินทรัพย์เสี่ยง ทุกโทเคนหลักได้รับผลกระทบ เพราะความกลัวแพร่กระจายไปทั้งตลาด ช่วงเวลาแบบนี้สะท้อนให้เห็นว่าโมเมนตัมสามารถเปลี่ยนได้เร็วเพียงใดเมื่อความเชื่อมั่นถดถอยและมีแรงขายออกต่อเนื่อง
⚡ INSANE: $1T has been wiped out from the Total Crypto Market since October 7th pic.twitter.com/3uwmze3ekY
— Cointelegraph (@Cointelegraph) November 15, 2025
การชำระบัญชีจำนวนมากเร่งแรงขายในสินทรัพย์หลัก
นักวิเคราะห์ระบุว่า การชำระบัญชีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งในสถานะลองและสถานะชอร์ต เทรดเดอร์ปิดสถานะเพราะกังวลว่าจะขาดทุนหนักกว่าเดิมในช่วงตลาดผันผวนมาก กิจกรรมเหล่านี้เพิ่มแรงกดดันด้านการขาย และฉุดมูลค่าทั้งกระดานลงพร้อมกัน
บิตคอยน์เป็นผู้นำในการปรับตัวลงเพราะมีสัดส่วนของตลาดสูงที่สุด การร่วงของ BTC ทำให้เกิดความอ่อนแอในวงกว้าง และส่งผลต่อทิศทางของอัลท์คอยน์ Ethereum และ Solana เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันเมื่อเทรดเดอร์ลดความเสี่ยงและปกป้องเงินทุน การปรับตัวลงพร้อมกันนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดตลาดคริปโตรวมให้ร่วงหนัก
ตลาดอนุพันธ์มีบทบาทสำคัญในความเคลื่อนไหวฉับพลันเช่นนี้ อัตราทดที่สูงทำให้การเปลี่ยนแปลงราคาขนาดเล็กขยายผล และทำให้เกิดการชำระบัญชีเพิ่มขึ้น เทรดเดอร์เผชิญความผันผวนที่แกว่งแรง เพราะตลาดยังคงคาดเดายากและเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ตลาดจึงฟื้นตัวได้ยากเพราะบรรยากาศยังเปราะบาง
กระแสเงินไหลออกจากนักลงทุนสถาบันเพิ่มแรงกดดันตลาด
ผู้เล่นสถาบันรายใหญ่มีแนวโน้มลดความเสี่ยงในช่วงที่ตลาดหลีกเลี่ยงความเสี่ยงอย่างหนัก กองทุนลดสถานะเพราะต้องทำตามกรอบการลงทุนที่มุ่งเน้นความปลอดภัยในเวลาที่ตลาดเผชิญแรงกระแทก การเคลื่อนไหวนี้ดึงสภาพคล่องออกจากตลาดจำนวนมาก และทำให้ราคาของหลายโทเคนร่วงต่อเนื่อง
กระแสเงินไหลออกจาก Spot ETF ชี้ให้เห็นการเปลี่ยนทิศทางที่ชัดเจน นักลงทุนจำนวนมากเลือกทำกำไรหลังจากตลาดปรับขึ้นแรงในช่วงก่อนหน้า และกระตุ้นแรงขายเพิ่มเติม การปรับตัวลงของผลิตภัณฑ์เหล่านี้สะท้อนถึงความกังวลในตลาดที่กว้างขึ้น และส่งสัญญาณว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนคริปโตอ่อนแรงลง
ผู้ดูแลสภาพคล่อง (market makers) ก็ลดกิจกรรมเช่นกันเมื่อความผันผวนพุ่งสูง การขาดผู้ดูแลตลาดทำให้ราคาขยับแรงและคาดเดายากกว่าเดิม พฤติกรรมนี้ยิ่งทำให้ตลาดคริปโตอ่อนตัวลง และจำกัดโอกาสฟื้นตัวระยะสั้น
อะไรจะช่วยให้ตลาดเริ่มฟื้นจากการร่วงครั้งประวัติศาสตร์นี้
หลายปัจจัยอาจช่วยพยุงตลาดในระยะต่อไป การเปลี่ยนบรรยากาศทางเศรษฐกิจมหภาคอาจลดแรงกดดัน และดึงความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงกลับมา เทรดเดอร์จับตาตัวเลขเงินเฟ้อที่อ่อนลง เพราะมักสะท้อนภาวะทางการเงินที่ผ่อนคลายขึ้น ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแรงก็สามารถลดความกลัวและช่วยให้มุมมองตลาดดีขึ้นได้
กระแสเงินลงทุนจากสถาบันอาจกลับทิศทางได้ หากความเชื่อมั่นปรับตัวดีขึ้น กองทุนขนาดใหญ่มีบทบาทต่อเสถียรภาพของตลาดเพราะให้สภาพคล่องลึก การกลับเข้ามาของเม็ดเงินเหล่านี้อาจช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่มั่นคงขึ้นสำหรับการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป
ติดตามเราบน Google News
รับข้อมูลเชิงลึกและการอัปเดตคริปโตล่าสุด
โพสต์ที่เกี่ยวข้อง

Binance ปล่อยแคมเปญ airdrop ครั้งใหญ่ของ elizaOS: รับ 4.375 โทเคนได้ด้วยเพียง 240 คะแนน Alpha
Triparna Baishnab
Author

บิตคอยน์ร่วงหลังสหรัฐยุติภาวะชัตดาวน์ — ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
Rajeev Rajput
Author

Harvard เพิ่มสัดส่วน IBIT เป็น 442.8 ล้านดอลลาร์ เดินเกมคริปโตครั้งใหญ่ในไตรมาส 3
Shweta Chakrawarty
Author