แบล็คร็อคเข้าซื้ออีเธอเรียม 33,451 ETH มูลค่า 145 ล้านดอลลาร์
BlackRock ซื้อ ETH จำนวน 33,451 ETH (145.1 ล้านเหรียญสหรัฐ) ขยายพอร์ตสินทรัพย์ดิจิทัลและส่งสัญญาณถึงความเชื่อมั่นของสถาบันที่เพิ่มมากขึ้นใน Ethereum

สรุปด่วน
สรุปสร้างโดย AI ตรวจสอบโดยห้องข่าว
BlackRock ซื้อ ETH จำนวน 33,451 ETH มูลค่ากว่า 145 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเพิ่มเข้าในพอร์ตโฟลิโอคริปโตของตน
การซื้อครั้งนี้จะขยายการถือครองสกุลเงินดิจิทัลที่สำคัญของ BlackRock ซึ่งรวมถึงตำแหน่ง BTC ขนาดใหญ่ด้วย
ธุรกรรมดังกล่าวตอกย้ำความมุ่งมั่นของ BlackRock ที่มีต่อภาคสินทรัพย์ดิจิทัล
การเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งสัญญาณถึงความเชื่อมั่นของสถาบันที่เพิ่มมากขึ้น และอาจส่งเสริมให้นักลงทุนรายอื่นๆ ดำเนินตาม
แบล็คร็อค (BlackRock) ผู้จัดการสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของโลก ได้เข้าซื้ออีเธอเรียม (ETH) จำนวน 33,451.58 เหรียญ คิดเป็นมูลค่าราว 145.1 ล้านดอลลาร์ การทำธุรกรรมครั้งนี้สะท้อนถึงการขยายการลงทุนในคริปโตของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ การซื้อดังกล่าวได้รับการยืนยันโดย Whale Insider และตรวจสอบผ่านข้อมูลการติดตามบนบล็อกเชน การเข้าซื้อเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์กระจายพอร์ตการลงทุนไปยังสินทรัพย์ดิจิทัลที่กว้างขึ้น ปัจจุบันบริษัทถือครอง ETH มากกว่า 3.77 ล้านเหรียญ มูลค่ารวม 16.35 พันล้านดอลลาร์ ควบคู่กับการถือครองบิตคอยน์และคริปโตอื่น ๆ ในระดับใหญ่ นักวิเคราะห์มองว่าการเข้าซื้อล่าสุดนี้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นระยะยาวของแบล็คร็อคต่อภาคสินทรัพย์ดิจิทัล
ภาพรวมพอร์ตการลงทุน
ตามข้อมูลจาก Arkham พอร์ตสินทรัพย์คริปโตทั้งหมดของแบล็คร็อคมีมูลค่าเกือบ 99.5 พันล้านดอลลาร์ โดยถือครองบิตคอยน์ (BTC) 747,469 เหรียญ มูลค่า 83.16 พันล้านดอลลาร์ ทำให้บิตคอยน์เป็นสินทรัพย์หลักอันดับหนึ่งของพอร์ต ตามมาด้วยอีเธอเรียมในฐานะสินทรัพย์ดิจิทัลอันดับสอง นอกจากนี้ยังมีการถือครองโทเคน IMAGE, SPX, COLLE, MOG, JOE และ SHI แม้จะเป็นสัดส่วนเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ BTC และ ETH แต่บริษัทก็ยังคงบริหารจัดการสถานะอย่างต่อเนื่องในหลายบล็อกเชน แสดงถึงแนวทางการกระจายความเสี่ยงที่รอบคอบ
การโอนและความเคลื่อนไหวล่าสุด
การซื้อ ETH ถูกบันทึกบนบล็อกเชนราว 53 นาทีก่อนมีรายงาน แบล็คร็อคได้ย้ายเงินทุนจากที่อยู่กระเป๋า BUIDL Fund ของบริษัทไปยังวอลเล็ทอีเธอเรียม แม้รายละเอียดฝั่งผู้ขายจะยังเป็นความลับ แต่ธุรกรรมนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นสูงต่อแนวโน้มของอีเธอเรียมในช่วงกลางถึงยาว ก่อนหน้านี้บริษัทเคยโอนบิตคอยน์ไปยังที่อยู่ที่เชื่อมโยงกับกองทุน IBIT Bitcoin ETF โดยโอนครั้งละ 300 BTC มูลค่าหลายล้านดอลลาร์
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงแนวทางบริหารพอร์ตอย่างเป็นระบบ เพื่อรักษาสมดุลด้านสภาพคล่องบนแพลตฟอร์มซื้อขาย ขณะเดียวกันก็ยังคงมีการเปิดรับคริปโตในระดับใหญ่ ข้อมูลวิเคราะห์บล็อกเชนบ่งชี้ว่าการโอนเหล่านี้เป็นการจัดการพอร์ตตามปกติ ไม่ใช่การซื้อขายตามสถานการณ์ตลาด นักวิเคราะห์ตลาดมองว่าการเข้าซื้อ ETH ครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อความสนใจจากสถาบัน โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาค่อนข้างทรงตัว
ความเชื่อมั่นของสถาบันต่อคริปโต
การเคลื่อนไหวของแบล็คร็อคตอกย้ำถึงการมีส่วนร่วมที่มากขึ้นของสถาบันในสินทรัพย์ดิจิทัล ตลอดหลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้เพิ่มสัดส่วนคริปโตในกองทุนและ ETF อย่างต่อเนื่อง อีเธอเรียมซึ่งเป็นบล็อกเชนอันดับสองตามมูลค่าตลาด ถูกมองมากขึ้นว่าเป็นทางเลือกการลงทุนระยะยาวที่มั่นคง ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าการเข้าซื้อเช่นนี้ไม่ใช่การเก็งกำไรระยะสั้น แต่สะท้อนถึงความมั่นใจในโครงสร้างพื้นฐานบล็อกเชน รวมถึงระบบสมาร์ตคอนแทรกต์และแอปพลิเคชันด้านการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) ที่สร้างขึ้นบนอีเธอเรียม การเข้ามาของผู้จัดการสินทรัพย์ระดับโลกอย่างแบล็คร็อคยังช่วยเพิ่มความชอบธรรมให้ตลาดคริปโต และอาจกระตุ้นให้สถาบันอื่น ๆ เข้ามาลงทุนมากขึ้น
อีเธอเรียมและบรรยากาศตลาด
นักวิเคราะห์ตลาดระบุว่าการเข้าซื้อในปริมาณมากโดยสถาบันสามารถส่งผลเชิงบวกต่อบรรยากาศราคารอบอีเธอเรียม แม้ธุรกรรมเพียงครั้งเดียวอาจไม่ทำให้ราคาผันผวนอย่างรุนแรง แต่ก็สะท้อนถึงความเชื่อมั่นจากนักลงทุนที่มีประสบการณ์ เครือข่ายอีเธอเรียมที่ยังคงมีการใช้งานสูงและมีการอัปเกรดต่อเนื่อง ช่วยคงความน่าสนใจทั้งต่อผู้ลงทุนรายใหญ่และรายย่อย การเข้ามาของแบล็คร็อคอาจเป็นแรงผลักดันให้ผู้จัดการสินทรัพย์รายอื่นหันมาเพิ่มการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงเช่นกัน ขณะที่การยอมรับในระดับสถาบันเพิ่มขึ้น การรักษาความโปร่งใสและการติดตามธุรกรรมบนบล็อกเชนจะมีความสำคัญมากขึ้น นักวิเคราะห์กำลังจับตาแบล็คร็อคอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินผลกระทบต่อสภาพคล่อง ความมั่นคงของราคา และความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ผลเชิงกลยุทธ์ต่อ ตลาดคริปโต
การเข้าซื้ออีเธอเรียมครั้งล่าสุดของแบล็คร็อคอาจส่งผลต่อพลวัตของตลาดคริปโตในภาพรวม การเข้าซื้อครั้งใหญ่จากสถาบันมักสะท้อนถึงความมั่นใจ และสามารถดึงดูดนักลงทุนรายอื่น รวมถึงช่วยพยุงราคาในช่วงที่ตลาดผันผวน นักวิเคราะห์ชี้ว่าความเคลื่อนไหวนี้อาจจุดประกายให้กองทุนระดับโลกหันมาลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทที่ขยายตัวของอีเธอเรียม ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงสินทรัพย์เพื่อการซื้อขาย แต่กำลังเป็นส่วนหนึ่งของระบบการลงทุนสถาบัน เมื่อการมีส่วนร่วมของสถาบันเพิ่มขึ้น มาตรการกำกับดูแลและมาตรฐานการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ก็จะยิ่งเข้มงวดมากขึ้น ซึ่งจะช่วยกำหนดแนวปฏิบัติของตลาดและความคาดหวังของนักลงทุน การเคลื่อนไหวของแบล็คร็อคจึงย้ำถึงเสน่ห์ของอีเธอเรียมในฐานะสินทรัพย์สำหรับการลงทุนอย่างมืออาชีพ

ติดตามเราบน Google News
รับข้อมูลเชิงลึกและการอัปเดตคริปโตล่าสุด