ข่าว

แครชคริปโตมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ของทรัมป์สร้างความตื่นตระหนกในตลาด ขณะที่สเตเบิลคอยน์พุ่งแรง

โดย

Triparna Baishnab

Triparna Baishnab

ทรัมป์เผชิญกับการขาดทุนจากคริปโตเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์ และตลาดหันเหความเสี่ยงออกไป ส่งผลให้ผู้ลงทุนหันไปลงทุนใน Stablecoin และสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่า

แครชคริปโตมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ของทรัมป์สร้างความตื่นตระหนกในตลาด ขณะที่สเตเบิลคอยน์พุ่งแรง

การเติบโตของคริปโตที่เชื่อมโยงกับโดนัลด์ ทรัมป์และครอบครัว ซึ่งพยายามกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา ถูกยืนยันแล้วโดยดัชนี Bloomberg Billionaires Index ว่ากำลังไปได้ไม่สวยอย่างหนัก ส่วนสำคัญของการร่วงครั้งนี้มาจากการดิ่งลงของสินทรัพย์หลัก ไม่ว่าจะเป็น Trump memecoin ที่ร่วงราว 25% นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม หรือการล่มสลายของบริษัทขุดเหมือง American Bitcoin (ABTC) ของอีริก ทรัมป์ ที่มูลค่าตลาดหายไปครึ่งหนึ่ง ขณะที่ Trump Media & Technology Group ก็ไม่รอดพ้นแรงกดดันเช่นกัน หลังมูลค่าหายไประดับหลายพันล้านดอลลาร์จากการถือครอง Bitcoin และ CRO ที่ลดลงต่อเนื่อง

ผลกระเพื่อม: Pi Coin ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น

อีกด้านหนึ่งก็เป็นภาพที่น่าสนใจเช่นกัน เมื่อโทเคนที่เชื่อมโยงกับทรัมป์ร่วงหนัก Pi Coin กลับได้แรงหนุนจากพฤติกรรมผู้ลงทุนรายย่อยที่เปลี่ยนไป ความกังวลในกลุ่มที่รับความเสี่ยงได้น้อยทำให้กระแสพูดถึง Pi Coin บนโซเชียลเพิ่มขึ้น หลายกลุ่มผู้ใช้หน้าใหม่เริ่มกลับมามอง Pi Coin อีกครั้ง เพราะถูกมองว่าเป็นการลงทุนที่ต้นทุนต่ำและความเสี่ยงไม่สูง เมื่อเทียบกับเมมคอยน์ที่มีคนดังหนุนหลังซึ่งรับแรงกดดันไม่ไหวและร่วงหนัก

สเตเบิลคอยน์กลับมานำตลาด นักลงทุนหาที่พักความเสี่ยง

กระแสใหม่ที่เกิดขึ้นคู่กับความสนใจใน Pi Coin คือการไหลเข้าของเงินสู่ตลาดสเตเบิลคอยน์ มูลค่าที่ร่วงลงของสินทรัพย์ฝั่งทรัมป์สะท้อนให้เห็นชัดถึงความเปราะบางของพอร์ตการลงทุนเชิงเก็งกำไร ทำให้นักลงทุนรายย่อยและสถาบันถอยกลับสู่เหรียญสเตเบิลที่ไม่เฉพาะทางอย่าง USDT, USDC และเวอร์ชันที่อยู่ภายใต้กรอบกำกับในภูมิภาค ข้อมูลการซื้อขายจากเอเชียและยุโรปชี้ว่า เทรดเดอร์กำลังลดน้ำหนักในบริษัทที่พึ่งพาโทเคนและหันไปถือสเตเบิลคอยน์ระหว่างรอดูทิศทางตลาด

จิตวิทยาตลาด

การปรับตัวลงของสินทรัพย์คริปโตที่เชื่อมโยงกับทรัมป์กลายเป็นมากกว่าแค่ข่าว แต่สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศตลาด เรื่องราว “คริปโตในฐานะอำนาจทางการเมือง” เริ่มแผ่วลงเมื่อผลขาดทุนจริงเริ่มชัดเจน เทรดเดอร์เริ่มแยกแยะมากขึ้นระหว่างโปรเจกต์เชิงเล่นสเปกและสินทรัพย์ที่มีโรดแมปหรือมูลค่าที่ชัดเจน ในเวลาเดียวกัน การที่ทรัมป์ต้องกลับท่าทีต่อโทเคน WLFI และสูญเสียมูลค่าบัญชีเกือบ 3 พันล้านดอลลาร์ แสดงให้เห็นถึงความเสื่อมถอยของความเชื่อมั่นต่อโปรเจกต์ที่ใช้อัตราทดสูงเมื่อความไม่แน่นอนด้านมหภาคเข้ามากระทบ ผลกระทบแบบโดมิโนนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะนักลงทุนสหรัฐ แต่ลามไปถึงกลุ่มผู้ลงทุนในเอเชียและยุโรปที่มองการล่มสลายของสินทรัพย์ชื่อดังเป็นสัญญาณความตึงตัวของตลาด

สิ่งสำคัญคือสถานการณ์ตอนนี้ตรงข้ามกับยุคเก็งกำไรอย่างชัดเจน สินทรัพย์บางตัวกลับมาเพิ่มขึ้นในยุคที่นักลงทุนมองหาความเป็นจริงมากกว่าความหวือหวา ความต้องการคริปโตและสเตเบิลคอยน์ที่เพิ่มขึ้นเป็นสัญญาณว่าตลาดกำลังพัฒนา แม้จะยังไม่สมบูรณ์ก็ตาม การที่ทรัมป์ขาดทุนในพอร์ตของตนเองเป็นบทเรียนสำคัญว่า แม้แต่มหาเศรษฐีที่มีอิทธิพลทางการเมืองก็ไม่อาจรอดพ้นจากความผันผวนของคริปโตได้ สถานการณ์ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าจะเป็นตัวกำหนดว่ากระแสนี้เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงชั่วคราว หรือเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับลำดับความสำคัญของผู้ใช้คริปโตในระยะยาว

Google News Icon

ติดตามเราบน Google News

รับข้อมูลเชิงลึกและการอัปเดตคริปโตล่าสุด

ติดตาม