มาสเตอร์การ์ดจับมือ Chainlink CCIP เชื่อมผู้ใช้ 3.5 พันล้านคนสู่โลก Web3

มาสเตอร์การ์ดก้าวอีกขั้นสำคัญในการเชื่อมโลกการเงินแบบดั้งเดิมเข้ากับบล็อกเชน ผ่านความร่วมมือครั้งใหม่กับ Chainlink, XSwap และ Swapper Finance ยักษ์ใหญ่ด้านการชำระเงินระดับโลกกำลังมุ่งเชื่อมผู้ถือบัตรกว่า 3.5 พันล้านคนเข้าสู่เศรษฐกิจบนบล็อกเชนโดยตรง

แผนผลักดัน Web3 ของมาสเตอร์การ์ดเริ่มแรงขึ้น

ตามประกาศอย่างเป็นทางการจาก Chainlink XSwap หนึ่งในสมาชิก Build Program มีบทบาทสำคัญในโครงการนี้ ผ่านเลเยอร์การประมวลผลของ XSwap ระบบจะเปลี่ยนข้อมูลการชำระเงินที่ผ่านการตรวจสอบแล้วเป็นการแลกเปลี่ยนบนบล็อกเชนทั้งหมด โดยขับเคลื่อนด้วยโปรโตคอล Cross-Chain Interoperability Protocol (CCIP) ของ Chainlink การรวมระบบนี้ช่วยให้ฐานผู้ใช้จำนวนมหาศาลของมาสเตอร์การ์ดเข้าถึง Web3 ได้อย่างปลอดภัย ขยายตัวได้ และโปร่งใส

ความร่วมมือนี้มีเป้าหมายเพื่อทำให้การชำระเงินในชีวิตประจำวันสามารถเชื่อมกับระบบบล็อกเชนได้ง่ายขึ้น ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจาก Chainlink มาสเตอร์การ์ดสามารถส่งข้อมูลธุรกรรมที่ตรวจสอบแล้วจากโลกการเงินแบบดั้งเดิมไปยังเครือข่ายบล็อกเชนได้อย่างปลอดภัย แนวทางนี้เปิดโอกาสใหม่สำหรับผู้ใช้ทั่วโลก ตั้งแต่การชำระเงินแบบโทเคน การชำระเงินแบบเรียลไทม์ ไปจนถึงการโอนมูลค่าข้ามประเทศ

เชื่อมระบบชำระเงินแบบดั้งเดิมเข้ากับบล็อกเชน

XSwap เน้นย้ำว่าการเชื่อมเครือข่ายชำระเงินที่ใหญ่ที่สุดของโลกเข้ากับเศรษฐกิจบนบล็อกเชน ต้องการมากกว่ามุมมอง มันต้องอาศัยโครงสร้างพื้นฐานที่พิสูจน์แล้วว่าปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ด้วยความร่วมมือกับมาสเตอร์การ์ด, Chainlink และ Swapper Finance XSwap กำลังช่วยสร้างสะพานนี้ผ่านระบบประมวลผลบนบล็อกเชนของตัวเอง

กระบวนการทำงานเริ่มจากการนำข้อมูลการชำระเงินของมาสเตอร์การ์ดที่ได้รับการยืนยันแล้วไปทำการแลกเปลี่ยนโดยตรงบนเครือข่ายบล็อกเชน ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าร่วมระบบนิเวศแบบกระจายศูนย์ได้ ในขณะที่ยังคงความน่าเชื่อถือและความเร็วที่คาดหวังจากการเงินแบบดั้งเดิม พูดง่ายๆ คือ เปลี่ยนการชำระเงินจริงให้พร้อมสำหรับการทำธุรกรรมบนบล็อกเชน

ภายในความร่วมมือ: การรวมระบบที่ปลอดภัยและขยายตัวได้

แซม ฟรีดแมน (Sam Friedman) สถาปนิกโซลูชันอาวุโสที่ Chainlink Labs และ SJ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ XSwap อธิบายรายละเอียดความร่วมมือนี้ว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญในการรวมระบบชำระเงินแบบดั้งเดิมเข้ากับเทคโนโลยีบล็อกเชน

“ความร่วมมือระหว่าง Chainlink, มาสเตอร์การ์ด และผู้เล่นสำคัญอื่นๆ เป็นก้าวสำคัญในการเชื่อมเครือข่ายการชำระเงินที่ใหญ่ที่สุดของโลกเข้าสู่เศรษฐกิจบนบล็อกเชน” ฟรีดแมนกล่าว “เพื่อให้การเชื่อมต่อเกิดขึ้นจริง เราต้องมีกรอบการทำงานที่ปลอดภัย ขยายตัวได้ และบูรณาการอย่างลึกซึ้งหลายระดับ Chainlink มอบสะพานข้อมูลที่ตรวจสอบได้ ส่งข้อมูลจากโลกการเงินแบบดั้งเดิมสู่บล็อกเชนอย่างปลอดภัย”

SJ เสริมว่า ความร่วมมือนี้ไม่ใช่แค่การส่งข้อมูล “ขั้นตอนสุดท้ายคือการประมวลผลบนบล็อกเชน” พวกเขากล่าว “นี่คือจุดที่ความเชี่ยวชาญของ XSwap มีความสำคัญ เราเชื่อว่าการทำงานข้ามเครือข่ายไม่ใช่แค่การเชื่อมบล็อกเชน แต่คือการสร้างประสบการณ์ผู้ใช้ที่ไร้รอยต่อ Swapper Finance ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากมาสเตอร์การ์ดและ Chainlink เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของหลักการนี้”

มาตรฐานใหม่สำหรับการประมวลผลบนบล็อกเชน

SJ ยังเน้นว่า บทบาทของ XSwap มุ่งเน้นไปที่การประมวลผลที่ราบรื่นและการปรับสภาพสภาพคล่อง เมื่อผู้ใช้ทำการซื้อ ระบบ XSwap จะดึงสภาพคล่องจากแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนแบบกระจายศูนย์ เพื่อให้ได้ราคาที่เหมาะสมและการชำระเงินรวดเร็ว เป้าหมายคือเปลี่ยนข้อมูลการชำระเงินที่ตรวจสอบแล้วจากโลกนอกบล็อกเชนให้กลายเป็นการแลกเปลี่ยนบนบล็อกเชนอย่างมีประสิทธิภาพ สะพานเชื่อมสองโลกการเงินแบบเรียลไทม์

“ความร่วมมือนี้กำหนดมาตรฐานใหม่” SJ กล่าวต่อ “ทีมงานของเรากำลังสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ทนทาน ขยายตัวได้ และเป็นมิตรกับผู้ใช้สำหรับโครงการขนาดนี้ ระดับความน่าเชื่อถือที่เราตั้งเป้าไว้ไม่ใช่แค่ประโยชน์ แต่คือรากฐานของระบบทั้งหมด”

จุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับการยอมรับ Web3

ความร่วมมือนี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในการยอมรับ Web3 ด้วยการรวมเครือข่ายการชำระเงินระดับโลกของมาสเตอร์การ์ดเข้ากับโครงสร้างพื้นฐานแบบกระจายศูนย์ของ Chainlink และการประมวลผลบนบล็อกเชนของ XSwap ผู้ใช้หลายพันล้านคนอาจเข้าถึงแอปพลิเคชันบล็อกเชนโดยไม่รู้ตัว ในแง่นี้ มาสเตอร์การ์ดไม่ได้แค่สำรวจบล็อกเชน แต่กำลังฝังมันเข้ากับการดำเนินงานของบริษัท

ด้วย CCIP ของ Chainlink ที่รับประกันการสื่อสารข้ามเครือข่ายอย่างปลอดภัย และ XSwap ดูแลด้านการประมวลผลบนบล็อกเชน โครงการนี้อาจเปลี่ยนวิธีที่สถาบันการเงินเข้าหาสินทรัพย์ดิจิทัลได้ หากประสบความสำเร็จ ผู้ถือบัตรมาสเตอร์การ์ด 3.5 พันล้านคนจะเข้าถึงโลกที่การชำระเงินแบบ Web2 และสินทรัพย์ Web3 อยู่ร่วมกันได้อย่างราบรื่น ผลลัพธ์นี้อาจเร่งการยอมรับบล็อกเชนให้เร็วขึ้นกว่าที่เคย